Macro Morning Focus ประจำวันที่ 29 มกราคม 2556
1. สศอ.เผย MPI ปี 55 ขยายตัวร้อยละ 2.5 และคาดปี 56 จะขยายตัวร้อยละ 3.5 - 4.5
2. สมาคมตราสารหนี้ค้านใช้ capital control แก้บาทแข็งแนะขึ้นทะเบียนนักลงทุนต่างชาติ
3. สิงคโปร์เผยการลงทุนในสินทรัพย์คงที่เพิ่มขึ้น 17% ในปี 2555
Highlight:
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือน ธ.ค. 55 อยู่ที่ระดับ 116.2 จากระดับ 188.1 ในเดือน พ.ย.55 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับอานิสงน์จากตัวเลขฐานที่ต่ำในเดือน ธ.ค.54 ซึ่งภาคอุตสาหกรรมประสบเหตุอุทกภัย ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 55 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.5 ขณะที่ปี 56 คาดว่า MPI จะขยายตัวร้อยละ 3.5 - 4.5
- สศค. วิเคราะห์ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในปี 55 ที่ขยายตัวเป็นบวก สะท้อนถึงภาคการผลิตสามารถกลับมาผลิตได้ตามปกติ หลังประสบปัญหาน้ำท่วมในช่วงปลายปี 54 โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหลัก อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวร้อยละ 73.1 ร้อยละ 6.9 และร้อยละ 11.7 ตามลำดับ ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน ในขณะที่แนวโน้มการผลิตอุตสาหกรรมในปี 56 คาดว่าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ตามการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก โดยเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.9 และการขยายตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจในประเทศ
- กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยเปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ประกอบการส่งออกเตรียมเสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุนหรือCapital Control เพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาทว่า หากธปท.ออกมาตรการดังกล่าวจริงจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในระยะยาว เพราะการออกมาตรการชั่วคราวเพื่อสกัดกั้นการไหลเข้าของเงินต่างชาติจะทำให้นักลงทุนไม่กล้าเข้ามาลงทุน เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าภาครัฐจะออกมาตรการมาควบคุมเมื่อใด ทั้งนี้เห็นว่าธปท.ควรออกนโยบายป้องกันเงินไหลเข้าแบบเดียวกับประเทศมาเลเซียที่ดำเนินการอยู่คือ การให้นักลงทุนต่างชาติลงทะเบียนก่อนเข้ามาลงทุน และหากพบว่านักลงทุนรายใดมีแนวโน้มที่จะลงทุนเพื่อโจมตีค่าเงิน หรือลงทุนผิดปกติ ก็ให้ระงับการลงทุนในประเทศไป
- สศค.วิเคราะห์ว่า ค่าเงินบาทในปี 56 แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วจากระดับ 30.6 บาท/ดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นปีมาอยู่ที่ 29.9 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ คิดเป็นการแข็งค่าขึ้นร้อยละ 2.9 ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน เนื่องจากมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ประเทศไทยทั้งในตลาดตราสารหนี้และตลาดสารทุน โดยในตลาดตราสารหนี้พบว่ามีเม็ดเงินไหลเข้ามากกว่า1 แสนล้านบาทซึ่งส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 90 มาลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ขณะที่มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดตราสารทุน 15,000 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 56 ประเทศไทยจะมีการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ซึ่งต้องใช้เงินดอลล่าร์สหรัฐจำนวนมากเพื่อการนำเข้าสินค้าที่ใช้ในการก่อสร้าง ประเทศไทยจึงสามารถใช้โอกาสที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นนี้ในการสนับสนุนการลงทุนดังกล่าวได้
- คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ (EDB) ของสิงคโปร์เปิดเผยว่า การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 17% แตะ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (1.29 ดอลลาร์สหรัฐ) ในปีที่แล้ว จาก 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปี 54 ทั้งนี้ การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ในสิงคโปร์ปีที่แล้วมีมูลค่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หากไม่นับตัวเลข 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปี 51 ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวที่เกิดจากการลงทุนในภาคปิโตรเคมีที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่การลงทุนในปีที่แล้ว อยู่ที่ภาคอิเล็กทรอนิกส์ และเคมีภัณฑ์ ซึ่งรวมกันได้ประมาณ 80% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดของปีที่แล้ว
- สศค.วิเคราะห์ว่า ใน 185 ประเทศทั่วโลก สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจมากที่สุด (อ้างอิงจาก Doing Business 2013) เหนือกว่าฮ่องกง และไทย ที่อยู่ในลำดับที่ 2 และ 18 ตามลำดับ ทั้งนี้ หลายๆ ประเทศในภูมิภาคเอเชียเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนในลำดับต้นๆ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่เอื้อต่อการลงทุน ประกอบกับหลายๆ ประเทศในยุโรป และสหรัฐ มีภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนไหลออกจากภูมิภาคดังกล่าวมาเอเชียเพิ่มขึ้น (โดยในปี 55 นั้น FDI จากสหรัฐ และยุโรป ไหลเข้าสู่สิงคโปร์ประมาณ 5.7 พันล้าน และ 3.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจาก 5 พันล้าน และ 2.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ตามลำดับ ในปี 54)
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257