รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 24 มกราคม 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 24, 2013 10:57 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 24 มกราคม 2556

Summary:

1. นายกฯ ถกคลัง-ธปท. ผลกระทบค่าเงินบาทบาทแข็ง

2. ธนาคารโลก คาด เศรษฐกิจไทยปี 56 ขยายตัวร้อยละ 5 ขณะที่เศรษฐกิจโลกขยายตัวเพียงร้อยละ 2.4

3. ประธานาธิบดีโอบามาพร้อมรับรองกฎหมายยืดเพดานหนี้

Highlight:

1. นายกฯ ถกคลังผลกระทบ .ธปท-ค่าเงินบาทแข็ง
  • นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมร่วมกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทที่อาจแข็งค่าขึ้น จากผลพวงที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ดำเนินการนโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณโดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาผลกระทบ และขอให้ทุกฝ่ายอย่างพึ่งตกใจ เพราะจนถึงขนาดนี้ยังไม่มีสัญญาณใดที่จะเป็นอันตรายกับระบบเศรษฐกิจไทย
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ระดับ 29.8 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ร้อยละ 2.5 นับตั้งแต่ต้นปี 56 ถือเป็นการแข็งค่าที่สูงสุดในรอบ 17 เดือน(นับจากเดือน ต.ค.55) ส่วนหนึ่งจากประเด็นความกังวลในการแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐฯ (Fiscal Cliff) ปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยูโรโซน ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายไหลเข้าของเงินทุนมาหาผลตอบแทนในเอเชียมากขึ้น และหนุนให้สกุลเงินเอเชียรวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าดังกล่าว ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ สศค. คาดว่า อัตราแลกเปลี่ยนในปี 56 จะอยู่ที่ระดับ 30.7 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 29.7 - 31.7) ( คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 55)
2. ธนาคารโลก คาด เศรษฐกิจไทยปี 56 ขยายตัวร้อยละ 5 ขณะที่เศรษฐกิจโลกขยายตัวเพียงร้อยละ 2.4
  • ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย เผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2556 คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 2.4 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 2.3 ในปีที่ผ่านมา สำหรับแนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 56 คาดว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะเติบโตได้ในระดับร้อยละ 5 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก ราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลง การลงทุนและเงินทุนเคลื่อนย้าย หรือ Fund Flow ที่ไหลเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น การนำเข้าที่เติบโตในระดับต่ำ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ และ อัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะคงอยู่ในอัตราที่ต่ำต่อไป
  • สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 56 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.5 - 5.5) โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการขยายตัวของการลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวได้ในระดับสูงที่ร้อยละ 14.0 จากปัจจัยสนับสนุนทั้งรายจ่ายงบประมาณและรายจ่ายตามแผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาวของภาครัฐวงเงินลงทุนรวม 3.5 แสนล้านบาทที่คาดว่าจะเริ่มทยอยลงทุนได้มากขึ้นในปี 56 และการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก เป็นสำคัญ โดยเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.9 นอกจากนี้ ในระยะยาวภาครัฐได้มีการวางยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเน้นการเพิ่มผลิตภาพระยะยาว (Productivity) ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ฟื้นฟูและสร้างอนาคต (พ.ศ. 2555 - 2562) โดยเน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การยกระดับคุณภาพของประชาชนให้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ตามศักยภาพเศรษฐกิจ (Potential GDP)
3. ประธานาธิบดีโอบามาพร้อมรับรองกฎหมายยืดเพดานหนี้
  • สภาคองเกรสเตรียมลงนามรับรองร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้สหรัฐไปอีก 4 เดือน พร้อมส่งต่อให้ประธานาธิบดีโอบามา ลงนามรับรองทันทีสำหรับ การลงนามนี้จะยืดเวลาหายใจสำหรับรัฐบาลไปอีกระยะ ก่อนที่รัฐบาลกับสภาคองเกรสต้องถกกันหนักในประเด็นตัดค่าใช้จ่ายภาครัฐ ส่วนสภาผู้แทนราษฎรได้เสนอร่างกฎหมายยืดอายุบังคับใช้กฎหมายกำหนดเพดานหนี้ 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ออกไปอีก 2 เดือนหลังจากยืดอายุมาก่อนหน้านี้แล้ว 2 เดือนช่วงต้นมกราคม เพื่อเลี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐพุ่งตกหน้าผาการคลัง เท่ากับว่า หากร่างกฎหมายฉบับใหม่ผ่าน และได้รับการลงนามโดยประธานาธิบดีโอบามา ซึ่งเพิ่งผ่านการสาบานตนต่อสาธารณเมื่อวันที่ 22 ม.ค. จะเปิดโอกาสให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมเงินได้ไปจนถึงวันที่ 19 พ.ค.ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งเข้าสภาวันนี้โดยไม่มีการแก้ไข
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การยืดอายุบังคับใช้กฎหมายกำหนดเพดานหนี้ไปก่อนระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นประเด็นค้างคาที่สร้างความกังวลต่อตลาดเงินมาตลอดด้วยเกรงว่ารัฐบาลสหรัฐจะตกอยู่ในสภาพผิดนัดชำระหนี้ได้ หลังจากได้มีการป้องกันการเกิดปัญหาหน้าผาการคลัง Fiscal Cliff ได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ การขยายเวลากู้ยืมที่รีพับลิกันเสนอยังเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งกันระหว่างสองพรรคยังมีทางออก นอกจากนี้ ปัญหาหนี้สาธารณะยังคงเป็นปัญหาที่ค้างคาสำหรับสหรัฐ ณ วันที่ 10 ม.ค. 56 หนี้สาธารณะของสหรัฐที่ถือโดยประชาชนประมาณ 11.6 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณร้อยละ 73 ของ GDP และอีกส่วนหนึ่งอยู่ภายในหน่วยงานของรัฐประมาณ 4.855 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้หนี้สาธารณะรวมอยู่ที่ 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาได้ในอนาคตอันใกล้ สศค. คาดว่า ในปี 56 เศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวร้อยละ 2.2 ในปี 56 คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 55

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ