รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 16 กรกฎาคม 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 16, 2013 14:16 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 16 กรกฎาคม 2556

Summary:

1. ธปท.ยัน ไม่พบสัญญาณหนี้เสียเพิ่ม

2. "อัญมณี" สดใสปักธง "ฮับ" เออีซี

3. จีนต้องการยกระดับจากทัวร์เร่งรีบเชิงฤดูกาลเป็นการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี

Highlight:

1. ธปท.ยัน ไม่พบสัญญาณหนี้เสียเพิ่ม
  • รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ฝ่ายกำกับสถาบันการเงิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณหนี้เสียของระบบสถาบันการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นจนน่ากังวลจากปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนที่ลดลง อย่างไรก็ดี ภาคสถาบันการเงินก็พร้อมจะดูแลและปรับตัวในการบริหารจัดการธุรกิจ เช่นเดียวกับการดูแลภาคสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งธปท. ก็ยังคงติดตามอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปัจจุบันหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 2.5 ของสินเชื่อที่ได้ปล่อยกู้ไปทั้งหมด
  • สศค. วิเคราะห์ว่า สินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคลในไตรมาส 1/56 (สัดส่วนร้อยละ 25.1 ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวร้อยละ 20.0 ต่อปี จากสินเชื่อเพื่อการซื้อหรือเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะการขยายตัวของสินเชื่ออุปโภคบริโภคกรณีไม่รวมสินเชื่อเพื่อการซื้อหรือเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์พบว่า ขยายตัวลดลงอยู่ที่ร้อยละ 15.1 ต่อปี ทั้งนี้ การขยายตัวของสินเชื่ออุปโภคบริโภคแผ่วลงจากไตรมาสก่อนหน้าโดยขยายตัวร้อยละ 1.6 (q-o-q) เทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 ที่ขยายตัวร้อยละ 6.0 (q-o-q) สำหรับสินเชื่อบัตรเครดิตพบว่า การผิดนัดชำระหนี้ของสินเชื่อบัตรเครดิตยังอยู่ในระดับต่ำ โดยล่าสุด ยอดค้างสินเชื่อเกิน 3 เดือนขึ้นไปต่อสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ของสินเชื่อบัตรเครดิต สะท้อนว่าภาคครัวเรือนยังมีความสามารถในการชำระหนี้ที่ดี
2. "อัญมณี" สดใสปักธง "ฮับ" เออีซี
  • อดีตนายกสมาคมอัญมณีไทยและเครื่องประดับ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับในช่วงครึ่งปีหลังมีทิศทางสดใสมากขึ้น เนื่องจากราคาทองคำที่ลดต่ำลง โดยปัจจุบันอยู่ที่ 1,225.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และหากค่าเงินบาทยังนิ่งอยู่ในเรต 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐก็จะเป็นผลดีต่อภาพรวมการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังอย่างมาก โดยปกติผู้สั่งซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจะสั่งสินค้าล่วงหน้า 3-4 เดือน เมื่อราคาทองคำอยู่ในทิศทางขาลง คำสั่งซื้อช่วงนี้จึงมีเข้ามาค่อนข้างมาก ประกอบกับอีกไม่กี่เดือนจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสออเดอร์ในกลุ่มจิวเวลรี่ช่วงนี้จึงค่อนข้างมากเป็นพิเศษ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า อัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อภาคการส่งออกของไทย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.74 ของการส่งออกรวมในปี 55 ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศค่อนข้างสูง สะท้อนได้จากมูลค่าการส่งออกอัญมณีในช่วง 5 เดือนแรกของปี 56 อยู่ที่ 3,337.07 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี เมื่อหักมูลค่าการส่งออกทองคำที่ยังไม่ขึ้นรูป มูลค่าการส่งออกอัญมณีที่แท้จริงอยู่ที่ 2,762.16 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ ฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย และสิงคโปร์ เป็นต้น ทั้งนี้ การที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบได้ง่ายขึ้น รวมถึงเพิ่มมูลค่าการส่งออกอัญมณีไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนได้อย่างเสรี
3. จีนต้องการยกระดับจากทัวร์เร่งรีบเชิงฤดูกาลเป็นการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
  • China Tourism Academy ได้ทำการสำรวจและระบุผลการศึกษาว่านักท่องเที่ยวจีนมีความรู้เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางมากขึ้นและเริ่มมีความต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น การเริ่มไปท่องเที่ยวต่างประเทศบ่อยครั้งมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่มักไม่ต้องการพักในโรงแรมระดับหรูหราแต่จะเลือกโรงแรมระดับประหยัดหรือราคาปานกลางแทน โดยเป็นค่าที่พักราวร้อยละ 15 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อสามารถซื้อสินค้าแบรนด์เนมได้มากขึ้น สัดส่วนชาวจีนที่ไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรกลดลงเหลือร้อยละ59ในปี 2012 จากราวร้อยละ64ในปี 2011 เป็นผลจากการขยายตัวอย่างมากของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวในต่างประเทศในปี 2012 ที่มีจำนวน 83.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ18จากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกราวร้อยละ15เป็นประมาณ 94 ล้านคนในปี 2013 และที่สำคัญคือประมาณร้อยละ90ของจำนวนดังกล่าวนั้นเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในเอเชีย
  • สศค. วิเคราะห์ว่า สำหรับประเทศไทยนั้น ในไตรมาสที่สองปี 2013 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (ร้อยละ 96.6) และกลายเป็นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับหนึ่งของไทยแทนที่ชาวมาเลเซียไปแล้วตั้งแต่ในปีที่ผ่านมา (ประมาณไตรมาสที่ 3 ปี 55) ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น (ประมาณร้อยละ 70 ของทั้งหมด) เมื่อเทียบกับกลุ่มหลักเดิมอย่างชาวยุโรปและอเมริกา และด้วยสภาพตลาดการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้การท่องเที่ยวไทยมีผลจากฤดูกาลน้อยลงเพราะนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวตลอดทั้งปีซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อโรงแรมราคาระดับปานกลางมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวจีนมีความต้องการคุณภาพการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นกว่าเดิมและไม่เร่งรีบในลักษณะของแพคเกจทัวร์แบบในอดีตทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวประเทศไทยนั้นเฉลี่ยอยู่ประมาณ 5,000 บาทต่อวันต่อคน นอกจากจะส่งผลดีในเชิงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นมากแล้วด้วยพฤติกรรมไม่มีรูปแบบของฤดูกาลจะสามารถทำการตลาดและสร้างรายได้มากขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ซึ่งเป็น low season ของไทยมาโดยตลอด

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ