Macro Morning Focus ประจำวันที่ 18 ตุลาคม 2556
1. ยอดส่งออกรถยนต์ เดือน ก.ย. 56 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 25 ปี
2. รองนายกฯ ชี้ สหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายเพดานหนี้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ
3. มูลค่าการส่งออกและนำเข้าของสิงคโปร์ เดือน ก.ย. 56 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 18 เดือน
Highlight:
- นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์ของไทยในเดือน ก.ย. 56 ขยายตัวร้อยละ 16.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน นับว่าขยายตัวสูงสุดในรอบ 25 ปีทีผ่านมา โดยมูลค่าการส่งออกรถยนต์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 56 ขยายตัวร้อยละ 7.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 3.8 แสนล้านบาท ทังนี้ มส.อ.ท. เชื่อว่า ยอดผลิตรถยนต์ในช่วงที่เหลือของปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2 ล้าน 5 แสนคัน โดยช่วง 9 เดือนแรกของปี 56 ยอดการผลิตรถยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 1 ล้าน 9 แสนคัน
- สศค. วิเคราะห์ว่าจากยอดส่งออกที่ขยายตัวเร่งขึ้นต่อเนื่องโดยล่าสุด ตัวเลข ณ เดือน ก.ย. 56 ที่ขยายตัวเร่งขึ้นสูงสุดในรอบ 25 ปีนั้น สะท้อนถึงตลาดรถยนต์ในต่างประเทศยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดการส่งออกดังกล่าวอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของภาคการส่งออกไทยได้ในช่วงที่เหลือของปี 56 นี้ โดยสินค้าหมวดยานยนต์และส่วนประกอบถือเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12.5 ของมูลค่าการส่งออกรวม (สัดส่วนปี 55) ขณะเดียวกัน การผลิตรถยนต์สำเร็จรูปที่ดีต่อเนื่องนันถือเป็นอุตสาหกรรมที่ส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตในอุตสาหกรรมส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามมาด้วย เช่น ยางสำเร็จรูป แบตเตอรี่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
- นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ว่า หากสหรัฐฯ แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในด้านบวก อีกทั้งอย่างน้อยมีผลในเรื่องของจิตวิทยา ทั้งนี้ สภาคองเกรสได้ข้อสรุปในการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ตลอดจนยกเลิกการปิดทำการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในคืนวันที่ 16 ต.ค. 56 (ตามเวลาสหรัฐฯ) และ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนของเช้าวันที่ 17 ต.ค. 56 (ตามเวลาสหรัฐฯ)
- สศค. วิเคราะห์ว่า การบรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี่สาธารณะสหรัฐฯ ตลอดจนการยุติการปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ส่งผลดีต่อตลาดการเงินโลก โดยจะเห็นได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ต่างปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่เปิดทำการในช่วงเวลาที่สภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงได้ อาทิ ดัชนีนิกเคอิญี่ปุ่น ปิดตลาดวันที่ 17 ต.ค. 56 ที่ระดับ 14,586.5 จุด หรือสูงขึ้นร้อยละ 0.83 จากวันก่อนหน้า อีกทังการเปิดทำการของรัฐบาลกลางหลังจากทีปิดทำการมากว่า 16 วัน จะส่งผลบวกแก่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการงดการใช้จ่ายภาครัฐมากไปกว่านี้ อย่างไรก็ตาม สภาคองเกรสสหรัฐฯ จะต้องพิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะอีกครั้งในช่วงกลางเดือน ก.พ. 57 ซึ่งหากมีความขัดแย้งระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน จนทำให้การพิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้ยืดเยื้ออีกครั้ง จะส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายที่คาดว่าจะผันผวนยิ่งขึ้น อีกทังบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างๆ อาจพิจารณาปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ จากความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจผิดนัดชำระหนี้ได้หากปรับขึ้นเพดานหนี้ไม่ทันกำหนด ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองต่อไป
- สำนักงานสถิติแห่งชาติสิงคโปร์ ประกาศมูลค่าการส่งออกเดือน ก.ย. 56 ขยายตัวร้อยละ 9.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนมูลค่าการนำเข้าขยายตัวในระดับสูงเช่นกันที่ร้อยละ 8.7 โดยอัตราการขยายตัวของทั้งมูลค่าการส่งออกและนำเข้าในเดือน ก.ย. 56 ถือเป็นอัตราขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 56 ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวเร่งขึ้นมากกว่ามูลค่าการนำเข้าส่งผลให้ดุลการค้าในเดือน ก.ย. 56 เกินดุลมูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
- สศค. วิเคราะห์ว่า การทีมูลค่าการส่งออกของสิงคโปร์ขยายตัวเร่งขึ้นในเดือนก.ย. 56 นันเป็นผลจากการส่งออกไปยังฮ่องกง จีน และสหรัฐฯ คู่ค้าสำคัญอันดับ 2, 3 และ 6 ซึ่งต่างขยายตัวในอัตราเลข 2 หลักที่ร้อยละ 22.8 21.6 และ 37.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ ส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และสภาพเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ส่วนมูลค่าการนำเข้าเดือนเดียวกันที่ขยายตัวเร่งขึ้นนั้น เป็นผลจากการนำเข้าสินค้าในหมวดเครื่องจักร และน้ำมันเชื้อเพลิงที่ขยายตัวร้อยละ14.7 และ 9.0 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้ การขยายตัวเร่งขึ้นทั้งในส่วนของการส่งออกและนำเข้าสองคล้องกับตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 3 ปี 56 (ตัวเลขเบื้องต้น) ที่ขยายตัวร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 4.2 ผลจากภาคอุตสาหกรรมที่กลับมาฟื้นตัวเต็มที่ โดยขยายตัวร้อยละ 4.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.3 ทั้งนี้ ณ เดือน ก.ย. 56 สศค. คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์ในปี 56 จะขยายตัวร้อยละ 2.1 (ช่วงคาดการณ์ ที่ร้อยละ 1.6 - 2.6)
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257