Macro Morning Focus ประจำวันที่ 9 มกราคม 2557
Summary:
1. ธ.กสิกรไทยห่วงปัญหาการเมืองยืดเยื้อถึงกลางปี กดดัน GDP โตแค่ 2-2.5%
2. ก.ล.ต. คาดออกเกณฑ์รับบริษัทจากต่างประเทศเข้าตลาดหลักทรัพย์ไทยช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 57
3. สหรัฐขาดดุลการค้าต่ำสุด 4 ปี
Highlight:
1. ธ.กสิกรไทยห่วงปัญหาการเมืองยืดเยื้อถึงกลางปี กดดัน GDP โตแค่ 2-2.5%
- กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยปี 57 จะเติบโต 3.6-3.7% แต่ยังคงมีปัจจะยเสี่ยงทางด้านการเมืองกดตันอยู่ ซึ่งถ้าหากการเมืองยืดเยื้อไปเกินกลางปี คาดว่าเศรษฐกิจปี 57 จะเติบโตได้เพียง 2-2.5% เท่านั้น แต่ยังอยู่ภายใต้การเติบโตของการส่งออกที่ 5-7% แต่ถ้าหากการส่งออกเติบโตได้ไม่ดีเท่าที่คาด เศรษฐกิจไทยปี 57 จะเหลือการขยายตัวได้เพียง 0.5%
- สศค. วิเคราะห์ว่า ปัญหาความไม่สงบทางการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และการท่องเที่ยว เป็นสำคัญ ทั้งนี้ สศค. เศรษฐกิจไทยในปี 57 คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 4.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.5 - 4.5) อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะยังคงได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของการส่งออกสินค้าและบริการ ซึ่งคาดว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าในปี 57 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 6.5 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณืที่ร้อยละ 4.5 - 8.5 ) เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องตามการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นโดยได้รับอานิสงส์จากโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ
2. ก.ล.ต. คาดออกเกณฑ์รับบริษัทจากต่างประเทศเข้าตลาดหลักทรัพย์ไทยช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 57
- เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. จะส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงของการลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียอย่างแท้จริง โดยจะดำเนินมาตรการต่างๆ เช่น การปรับปรุงและออกหลักเกณฑ์เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากต่างประเทศทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้และกองทุนรวม รวมทั้งการศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายไทยและต่างประเทศเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับหลักทรัพย์จากประเทศอื่นที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งคาดว่าจะออกหลักเกณฑ์ได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 57
- สศค. วิเคราะห์ว่า มาตรการการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อจูงใจบริษัทจากต่างประเทศให้เข้ามา จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญในปี 57 ที่กำหนดไว้ในแผนกลยุทธ์ปี 2557-2559 ของ ก.ล.ต. ที่มุ่งพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีความโดดเด่นด้านสภาพคล่อง มูลค่าตลาดของหุ้น มาตรฐานด้านบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยในการดำเนินการจะมุ่งเน้นการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแล การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน การสร้างความยั่งยืนให้แก่ตลาดทุนไทย การเสริมสร้างความรู้ทางการเงินและเครื่องมือการออมระยะยาวให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดทุน การส่งเสริมการพัฒนาวินัยของบริษัทจดทะเบียน การยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย และการเพิ่มการสนับสนุนให้ตัวกลางที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนมีบทบาทเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ลงทุนมากขึ้น และสร้างโอกาสจากการเติบโตของประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ แผนกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทจดทะเบียนของไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนระยะยาวซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถระดมทุนจากประชาชนได้โดยตรง และยังมีทางเลือกเพิ่มเติมในการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจโดยการออกตราสารทางการเงินได้หลากหลายประเภททั้งในรูปของตราสารหนี้และตราสารทุน โดยล่าสุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ วันที่ 7 ม.ค. 57 อยู่ที่ 11.2 ล้านล้านบาท และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 3.3
3. สหรัฐขาดดุลการค้าต่ำสุด 4 ปี
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การขาดดุลการค้าลดลงร้อยละ 12.9 ในเดือน พ.ย. จากเดือน ต .ค . นับเป็นการลดลงติดกันเป็นเดือนที่ 2 และเป็นการขาดดุลที่ต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี ซึ่งอยู่ที่ 34,300 ล้านดอลลาร์ สำหรับตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 หรืออยู่ที่ 194,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ สินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งออกได้มากขึ้นคือเครื่องบินและเครื่องยนต์สำหรับ เครื่องบิน เคมีภัณฑ์ และโครงเหล็ก สำหรับตัวเลขการนำเข้าลดลงร้อยละ 1.4 หรือ 229,100 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เนื่องจากราคาน้ำมันลดลง อันสะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐพึ่งพาพลังงานต่างชาติน้อยลงเพราะสามารถผลิต น้ำมันในประเทศได้มากขึ้น และเมื่อเดือนที่แล้วรัฐบาลสหรัฐ คาดว่า ผลผลิตน้ำมันของประเทศจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วง 2 ปีหน้า หลังจากมีการสกัดน้ำมันจากหินดินดานมาใช้
- สศค. วิเคราะห์ว่า การที่สหรัฐขาดดุลการค้าน้อยลงหรือการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกก็กำลังฟื้นตัวไปพร้อมกับเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งนี้ จากตัวเลขล่าสุด ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. 56 อยู่ที่ 78.1 จุด สูงขึ้นมาจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งในภาคเศรษฐกิจจริงตลอดจนภาคการจ้างงาน นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวมทั้งภาคผลิตและภาคบริการเดือน ธ.ค.ส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นของกิจกรรมทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการอยู่ที่ระดับ 56.1 จุด เนื่องจากดัชนีที่ยังคงปรับตัวเหนือระดับ 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม และสำหรับตัวเลขการนำเข้าลดลงร้อยละ 1.4 และการส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เป็นการสะท้อนเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257