รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 12 มิถุนายน 2557

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 12 มิถุนายน 2557

1. ตลท. เปิดเผยว่า ดัชนี SET พ.ค. 57 ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.06 ต่อปี

2. การท่องเที่ยวคึกคักหลังยกเลิกเคอร์ฟิว 30 พื้นที่

3. ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์ GDP โลกเหลือร้อยละ 2.8

• ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รายงานสรุปภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในเดือน พ.ค.57 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปิดที่ 1,415.7 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อนหน้า โดยในช่วงดังกล่าวมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET Index และดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) อยู่ที่ 41,256 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.2 จากเดือน เม.ย.57
• สศค. วิเคราะห์ว่า SET Index ในเดือน พ.ค. 57 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีร้อยละ 11.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมูลค่าการซื้อขายหมุนเวียนเฉลี่ยต่อวันเฉลี่ยในช่วง 5 เดือนเท่ากับ 31,856.7 ล้านบาท ซึ่งทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ในเดือน พ.ค. 57 เท่ากับ 204,672.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.0 จากช่วงต้นปี แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติจะคงขายสุทธิประมาณ 40,676 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 57 มีหลักทรัพย์เข้าระดมทุนใน ตลท. จำนวน 9 หลักทรัพย์ ซึ่งมีมูลค่าการระดมทุน22,152.2 ล้านบาท และคิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์เท่ากับ 86,697 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 3.9 เท่าของมูลค่าการระดมทุน ซึ่งจะช่วยให้สภาพคล่องของ ตลท. เพิ่มขึ้น และสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศได้ในอนาคต

• นายกสมาคมทีเอชเอ ภาคใต้ กล่าวว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวในภาคใต้ขณะนี้เริ่มคึกคักขึ้นเมื่อเทียบช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่มีการยกเลิกเคอร์ฟิว โดยคาดจะมีอัตราเข้าพักในภาคใต้เดือนมิ.ย. 57 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 60 หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณจากผู้ประกอบการทัวร์ตลาดหลัก เช่น จีนเริ่มดีขึ้น ส่วนตลาดออสเตรเลียมีความมั่นใจว่าจะยังมาเที่ยวภูเก็ต เนื่องจากมองว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการเมืองโดยตรงเหมือนที่กรุงเทพฯ และเมื่อประเมินแนวโน้มการท่องเที่ยวภูเก็ตตลอดทั้งปีนี้ คาดว่าจะยังเติบโตได้ที่ประมาณร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สร้างอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีได้ที่ประมาณ 70% จากปีปกติ เฉลี่ยที่ 80 เนื่องจากภูเก็ตมีข้อได้เปรียบตรงที่มีสนามบินนานาชาติที่ให้บริการเที่ยว บินระหว่างประเทศจำนวนมาก
• สศค. วิเคราะห์ว่า ข้อมูลจากด่านสุวรรณภูมิซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 60 ของด่านทั้งหมด พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ช่วงวันที่ 1-8 มิ.ย.57 จำนวน 1.9 แสนคน หรือคิดเป็นการหดตัวสูงถึงร้อยละ -38.7 ต่อปี ทำให้ประเมินได้ว่าในภาพรวมทั้งประเทศในไตรมาสที่ 2 ปี 57 จะมีการหดตัวประมาณร้อยละ -9.0 ต่อปี ทั้งนี้ สศค.คาดว่าเหตุการณ์ปัจจุบันจะสอดคล้องกับกรณีรัฐประหารในอดีต ที่พบว่า นักท่องเที่ยวจะสามารถกลับสู่ภาวะปกติได้ภายใน 3 เดือน หรือภายในเดือน ส.ค. 57 ซึ่งเป็นช่วงท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในกลุ่มเอเชียตะวันออก ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่าเป็นกลุ่ม sensitive (หากมีผลกระทบจะหายไปทันที และหากผลกระทบนั้นจบลงจะกลับมาทันทีเช่นกัน) ทั้งนี้คาดว่าในปี 57 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีจำนวน 27.8 ล้านคน หรือขยายตัวได้ร้อยละ 4.7 ต่อปี เทียบกับปี 56 ที่ขยายตัวสูงที่ร้อยละ 18.8 ต่อปี

• ธนาคารโลก (World Bank) รายงานการคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 58 จากเดิมที่ร้อยละ 3.2 เป็นร้อยละ 2.8 เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายในสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสที่ 1 วิกฤติในยูเครน และวิกฤติในตลาดทุนและการเคลื่อนย้ายเงินทุน ขณะที่ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาจากเดิมที่ร้อยละ 5.3 เป็นร้อยละ 4.8 และยังเสนอให้ประเทศเหล่านี้จำเป็นต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการเติบโต รวมทั้งมีคำเตือนให้ประเทศเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาในแถบเอเชียระวังเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯไว้ด้วย
• สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 57 มีทิศทางการฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อนโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป โดยล่าสุด GDP ไตรมาสที่ 1 ปี 57 ของสหรัฐฯ สามารถขยายตัวร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และอัตราการว่างงานในเดือน เม.ย. 57 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี มาอยู่ที่ร้อยละ 6.3 ของกำลังแรงงานรวม ขณะที่ GDP ไตรมาสที่ 1 ปี 57 ของสหภาพยุโรปสามารถขยายตัวร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยยังอาจมีความเสี่ยงจากอัตราการว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องแม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าก็ตาม โดยอัตราการว่างงานในเดือน เม.ย. 57 อยู่ที่ร้อยละ 11.7 ของกำลังแรงงานรวม สำหรับแศรษฐกิจจีนซึ่งถือเป็นประเทศที่มีบทบาททางเศรษฐกิจที่สำคัญในปีก่อนมีทิศทางการขยายตัวในอัตราชะลอลงจากนโยบายการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีคุณภาพและมีเสถียรภาพมากกว่าที่จะเติบโตในอัตราที่สูงเพียงอย่างเดียว โดยล่าสุด GDP ไตรมาสที่ 1 ปี 57 ของจีนขยายตัวร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยล่าสุด GDP ในไตรมาสที่ 1 ปี 57 ขยายตัวร้อยละ 3.0 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ สศค. คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย 14 ประเทศ ในปี 57 จะขยายตัวร้อยละ 3.9 (คาดการณ์ ณ เดือน มี.ค. 57)

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257