Macro Morning Focus ประจำวันที่ 17 มิถุนายน 2557
Summary:
1. เล็งเสนอ คสช.แผนผลิตแรงงานป้อนอุตสาหกรรม
2. ซีไอเอ็มบี ไทย คาด กนง. คงดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2 หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น
3.ยอดขายบ้านในจีนยังคงดิ่งวูบถึงร้อยละ 11 แม้รัฐบาลจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นการซื้ออย่างหนัก
1. เล็งเสนอ คสช. แผนผลิตแรงงานป้อนอุตสาหกรรม
- นายเปรมประชา ศุภสมุทร นายกสภาสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก และกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันความต้องการแรงงานในสายอาชีพของประเทศไทยยังมีสูง โดยข้อมูลจากกรมการจัดหางานในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาระบุว่า ได้รับแจ้งความต้องการแรงงาน (ตำแหน่งงานว่าง) จากนายจ้าง/สถานประกอบการ จำนวน 35,337 อัตรา โดยมีผู้มาสมัครงาน 49,233 คน และบรรจุงานได้ 33,290 คนโดยเฉพาะความต้องการแรงงานในสายอุตสาหกรรมการผลิตจะมีสัดส่วนสูงที่สุด
- สศค. วิเคราะห์ว่า การขาดแคลนแรงงานของไทยโดยเฉพาะแรงงานไร้ฝีมือมีมานานแล้วแม้ว่าอัตราการว่างงานของไทยจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ (ร้อยละ 0.9 ข้อมูล ณ พ.ค.57) ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่านิยมทางการศึกษาของเด็กไทยที่นิยมศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีมากกว่าสายอาชีพ ทำให้แรงงานที่จบออกมาสำหรับภาคการผลิตของไทยมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน จนนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิต โดยเฉพาะกลุ่มภาคการผลิตที่ใช้แรงงานอย่างเข้มข้น เช่น อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมการผลิตเพชรพลอย อุตสาหกรรมเครื่องหนัง เป็นต้นซึ่งจากการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า ตลาดแรงงานของไทยส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ไร้ฝีมือมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 80 และเป็นผู้มีงานทำที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปถึงร้อยละ 75 สะท้อนถึงโครงสร้างการผลิตของไทยมีความต้องการแรงงานประเภทไร้ฝีมือเป็นหลัก ทั้งนี้ หากพิจารณาการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมโดยรวม 5 เดือนแรกของปี 57 (ม.ค.-พ.ค.57) พบว่า มีการจ้างงานทั้งสิ้น 9.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 1.5 แสนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน
2. ซีไอเอ็มบี ไทย คาด กนง. คงดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2 หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น
- นายสุรชัย จิตตรัตน์เสนีย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ในวันพุธที่ 18 มิ.ย.นี้ กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2 เนื่องจากขณะนี้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. เข้ามาบริหารประเทศและมีแผนโรดแมพด้านเศรษฐกิจ ประกอบกับภาคการคลัง สามารถจัดทำงบประมาณปี 58 ได้ตามปกติแล้ว ดังนั้นการใช้นโยบายการเงินและการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจึงมีความจำเป็นน้อยลง ขณะเดียวกันมีความเป็นห่วงอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ดังนั้น กนง. จึงมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปีนี้
- สศค. วิเคราะห์ว่า ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงขยายตัวเร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เป็นปัจจัยกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยให้มีการปรับเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้เนื่องจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีมาตรการปรับลดเพดานราคาน้ำมันดีเซล ประกอบกับกระทรวงพาณิชย์จะมีมาตรการตรึงราคาอาหารที่ขายในห้างสรรพสินค้า ในขณะที่ระดับความจำเป็นในการผ่อนคลายนโยบายการเงินลดลง เนื่องจาก คสช. เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณ และการอนุมัติมาตรการการลงทุนภาครัฐมีความลงตัวมากขึ้น กอปรกับการใช้จ่ายภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ทำให้สามารถเรียกความเชื่อมั่นผู้บริโภคให้กลับมาดีขึ้น ทั้งนี้ สศค. ได้มีการประมาณการอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 57 ว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.0 เช่นกัน (คาดการณ์ ณ พ.ค. 57)
3. ยอดขายบ้านในจีนยังคงดิ่งวูบถึงร้อยละ 11 แม้รัฐบาลจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นการซื้ออย่างหนัก
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยว่า มูลค่าการขายบ้านประจำเดือนพฤษภาคมลดลงร้อยละ 11 มาอยู่ที่ 446,100 ล้านหยวน จาก 503,000 ล้านหยวนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่มูลค่าการขายบ้านระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคมปีนี้ลดลงร้อยละ 10.2 มาอยู่ที่ 1.97 ล้านล้านหยวน สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการซื้อบ้านในแดนมังกรยังคงซบเซา ถึงแม้ธนาคารกลางจีนจะผ่อนคลายมาตรการการปล่อยเงินกู้เพื่อการซื้อบ้านแล้วก็ตาม
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากการสำรวจของ E-House China บริษัทให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์จีนพบว่า เมืองสำคัญของจีนกว่าร้อยละ 80 ประสบปัญหาสต็อกอสังหาริมทรัพย์อยู่ในระดับสูง นั่นคือ ปัจจัยฐานที่สูงเป็นสาเหตุของการชะลอตัวของอุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยซึ่งเริ่มลดลงตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 57 โดยภาครัฐได้ใช้มาตรการให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อการซื้อบ้านให้ผู้ซื้อบ้านเป็นหลังแรก ส่วนภาคเอกชนเองก็มีมาตรการยอมให้ผู้ซื้อบ้านจ่ายเงินดาวน์ร้อยละ 0 เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ดี ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ของจีนยังคงส่งสัญญาณที่ดี สะท้อนจาก GDP ของจีน ไตรมาสที่ 1 ปี 57 ขยายตัวร้อยละ 7.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (NBS's Mfg. PMI) เดือน พ.ค. 57 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน รวมทั้งดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (HSBC's Mfg. PMI) เดือน พ.ค. 57 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดในรอบ 4 เดือน โดย สศค. เห็นว่า แม้เศรษฐกิจในภาพรวมยังคงขยายตัวอยู่ในระดับสูง แต่ก็ควรติดตามสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากอาจจะเกิดปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนได้
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257