รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 14 ตุลาคม 2557

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 14 ตุลาคม 2557

1. กอบกาญจน์ เร่งกระตุ้นท่องเที่ยวช่วงโค้งสุดท้าย

2. บีโอไอส่งสัญญาณการลงทุนเริ่มฟื้น

3. ยอดส่งออก-นำเข้าจีน ก.ย. 57 ขยายตัวเกินคาด

• นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ช่วงเวลา 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ เป็นช่วงของ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีแผนจะเดินสายโรดโชว์เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย เช่น ต้นเดือนพ.ย.จะไปจัดอีเว้นท์ใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อดึงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โรดโชว์งาน World Travel Mart ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งกรมการท่องเที่ยวจะสนับสนุนงบประมาณในการนำผู้ประกอบการจากเกาะเต่า ไปอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เป็นประเด็น และนำเสนอจุดขายที่แท้จริงของเกาะเต่าเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยว
• สศค. วิเคราะห์ว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในปี 57 นี้ ถือว่าค่อนข้างซบเซาจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 17.6 ล้านคน คิดเป็นการหดตัวถึงร้อยละ -10.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี ในเดือนก.ย. จำนวนนักท่องเที่ยวได้ส่งสัญญาณที่ดีขึ้น โดยมีจำนวน 1.86 ล้านคน หดตัวร้อยละ -7.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ขยายตัวร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาล) ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หากมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติม รวมถึงอธิบายสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศไทยให้ต่างชาติได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่คลี่คลายลงแล้วอาจจะช่วยกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 3 เดือนที่เหลือได้ นอกจากนี้ การฟื้นความเชื่อมั่นในการเดินทางมายังประเทศไทย และนำเสนอจุดขายที่แท้จริงของแหล่งท่องเที่ยวภายหลังเกิดเหตุฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 ราย ที่เกาะเต่า ประกอบกับในเดือน พ.ย. จะมีการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ที่จ.ภูเก็ตจะเป็นปัจจัยสนับสนุนในภาคการท่องเที่ยวได้ อย่างไรก็ดี สศค. ได้ประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 57 อยู่ที่ 26.7 ล้านคน (คาดการณ์ ณ ก.ค. 57) เมื่อประกอบกับข้อมูล 9 เดือนแรกคาดว่าจะไม่สามารถรักษาระดับเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติดังกล่าวได้ ทั้งนี้ สศค. จะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในสิ้นเดือน ต.ค. นี้

• เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวถึง ทิศทางการลงทุนในประเทศมีสัญญาณที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ตัวเลขขอรับส่งเสริมการลงทุนเมื่อเดือน ก.ย. 57 มีนักลงทุนสนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 158 โครงการ เงินลงทุนรวม 176,300 ล้านบาท ถือเป็นเดือนที่มีจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนสูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 57 ที่ผ่านมา โดยระบุกลุ่มพลังงานยื่นขอลงทุนสูงสุดกว่าแสนล้าน ดันยอดรวม 9 เดือน ทะลุ 5.9 แสนล้าน มั่นใจสิ้นปีถึงเป้าหมาย 7 แสนล้าน
• สศค. วิเคราะห์ว่า ภาพรวมของยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 57 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,040 โครงการ เงินลงทุนรวม 592,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการหดตัวร้อยละ -23.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศโดยรวม อย่างไรก็ดี หากพิจารณามูลค่าเงินลงทุนของโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมในเดือน ก.ย. 57 พบว่ามีมูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 176,300 ล้านบาท (เดือน ส.ค.57 มูลค่าเงินลงทุนของโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริม 45,900 ล้านบาท) ซึ่งนับเป็นเดือนที่มีมูลค่าเงินลงทุนของโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ กิจการที่มีการขอส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดคือ กลุ่มกิจการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากก๊าชธรรมชาติที่มีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเข้ามาจำนวนถึง 5 โครงการ เงินลงทุนรวม 135,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสนใจกับการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้กลุ่มกิจการอื่นๆ ที่มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มได้แก่ กิจการบริการและสาธารณูปโภค ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง เคมี กระดาษ และพลาสติก เป็นต้น

• กรมศุลกากรกลางของจีนรายงานว่า ยอดการส่งออกในเดือน ก.ย 57 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ 213,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6.68 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ และนับเป็นการเติบโตเร็วที่สุดในรอบ 19 เดือน ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 มาอยู่ที่ 182,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5.71 ล้านล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวทำให้ยอดได้เปรียบดุลการค้าเดือน ก.ย. 57 อยู่ที่ 31,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่ายอดได้เปรียบดุลการค้าในช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 2 เท่า
• สศค. วิเคราะห์ว่า การได้เปรียบดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นของจีนที่เป็นปัจจัยสะท้อนถึงความต้องการของทั่วโลกที่กำลังฟื้นตัว และความต้องการภายในประเทศที่เริ่มขยายตัว โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวในอัตราเร่งจากเดือนก่อนหน้าซึ่งขยายตัวที่ร้อยละ 9.4 และมูลค่าการนำเข้าสินค้ามีการขยายตัวในอัตราเร่งเช่นเดียวกัน จากเดือนก่อนหน้าซึ่งหดตัวร้อยละ -2.1 นอกจากนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ เดือน ก.ย. 57 อยู่ที่ระดับ 53.5 จุด ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 54.1 จุดในเดือนก่อน ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ในรอบ 18 เดือน แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนภาคบริการของจีนซึ่งกำลังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาคอุตสาหกรรมจะมีสัญญาณแผ่วลงเล็กน้อย อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโดยภาพรวมยังคงขยายตัวในอัตราคงที่ โดย สศค. คาดว่า ในปี 57 เศรษฐกิจจีน จะขยายตัวที่ร้อยละ 7.3 หรือในช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 7.1 - 7.5 ขยายตัวชะลอลงจากปีก่อนซึ่งขยายตัวร้อยละ 7.7 อย่างไรก็ดี อาจต้องติดตามสถานการณ์และมาตรการทางการเงินและการคลังของจีนในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจต่อไป

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257