สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจของไทยยังคงแข็งแกร่ง โดยในส่วนของเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2558 จะปรับลดลงจากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 0.2 (โดยมีช่วงประมาณการที่ร้อยละ -0.3 ถึง 0.7) ตามแนวโน้มการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งสินค้าในประเทศ ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศ คาดว่าดุลการค้าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เนื่องจากมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่มูลค่านำเข้าสินค้าคาดว่าจะหดตัวตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ส่งผลให้คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลประมาณ 17.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 4.6 ของ GDP (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.3 – 6.7 ของ GDP)”
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ในการประมาณการเศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อาทิ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอ ความ ผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน และแนวโน้มการลดลงของราคาน้ำมันและราคาสินค้าเกษตร”
เอกสารแนบ
รายงานประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2558
เศรษฐกิจไทยในปี 2558 คาดว่าจะสามารถขยายตัวร้อยละ 3.7 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.2 – 4.2) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 0.7 เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวสูงถึงร้อยละ 9.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 7.5 – 11.5) และการบริโภคภาครัฐจะขยายตัวร้อยละ 4.3 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.8 – 4.8) อันเป็นผลมาจากมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2558 ประกอบกับโครงการลงทุนที่มีความชัดเจน อาทิ โครงการบริหารจัดการน้ำวงเงิน โครงการพัฒนาระบบขนส่งทางถนน และโครงการลงทุนยกระดับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านการคมนาคมขนส่ง จะเป็นแรงกระตุ้นให้กับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี สำหรับการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 2.2 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.7 – 2.7) เนื่องจากแนวโน้มการจ้างงาน และรายได้นอกภาคเกษตรยังอยู่ในเกณฑ์ดี ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.0 – 5.0) ตามแนวโน้มราคาน้ำมันที่ลดลงและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำจะช่วยให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการลงทุนภาคเอกชน นอกจากนี้ ความชัดเจนในการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐจะส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนที่เกี่ยวเนื่องเร่งตัวขึ้นตาม สำหรับอุปสงค์ภายนอกประเทศนั้น ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการของไทยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.1 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.1 ถึง 6.1) เนื่องจากการส่งออกบริการ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากนักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์การเมืองไทยมากขึ้น แม้ว่าจะยังคงมีข้อจำกัดในการขยายตัวจากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำลงจากที่คาดการณ์ครั้งก่อน สำหรับปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.3 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.3 - 6.3) สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุน
เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงแข็งแกร่งโดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2558 จะปรับลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 0.2 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -0.3 ถึง 0.7) ตามแนวโน้มการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งสินค้าในประเทศ ในส่วนของอัตราการว่างงานคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.8 ของกำลังแรงงานรวม (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.7 – 0.9 ของกำลังแรงงานรวม) สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศคาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 17.8 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นร้อยละ 4.6 ของ GDP (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.3 – 6.7 ของ GDP) เนื่องจากดุลการค้าที่คาดว่าจะเกินดุลเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 25.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 17.0 – 34.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เนื่องจากมูลค่าการส่งออกสินค้าจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 0.2 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ -2.2 ถึง 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ขณะที่มูลค่านำเข้าสินค้าคาดว่าจะหดตัวร้อยละ -0.2 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ -2.2 ถึง 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3255
--กระทรวงการคลัง--