จากการยื่นข้อเสนอดังกล่าวให้กับนักลงทุนปรากฏว่ามีนักลงทุนสถาบันจำนวนมากให้ความสนใจเข้าร่วมดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตรกว่า 85,530 ล้านบาท โดย สบน. ได้จัดสรรพันธบัตรให้แก่นักลงทุนวงเงินรวม 63,960 ล้านบาท ซึ่งทำให้ยอดคงค้างของพันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB15DA ลดลงถึงร้อยละ 48 จาก 132,000 ล้านบาท เหลือ 68,040 ล้านบาท โดยรายละเอียดการแลกเปลี่ยนระหว่างพันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB15DA และ Destination Bond ทั้ง 5 รุ่น มีดังนี้
ตาราง : วงเงินการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (แบ่งตามรุ่นอายุ)
ชื่อของรุ่นพันธบัตร อายุคงเหลือ วงเงินการทำธุรกรรม (ลบ.) ร้อยละ 1) LB183B 2 ปี 9 เดือน 8,039 13 2) LB206A 5 ปี 18,291 29 3) LB25DA 10 ปี 6 เดือน 9,656 15 4) LB296A 14 ปี 10,580 16 5) LBA37DA 22 ปี 6 เดือน 17,394 27 รวม 63,960 100 ประโยชน์จากการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร
1) ด้านบริหารหนี้ : ยืดอายุหนี้ที่จะครบกำหนดจาก 6 เดือน เป็น 11 ปี 9 เดือน
2) ด้านสภาพคล่อง : เพิ่มวงเงินคงค้างของ On-the-run Benchmark Bond จำนวน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 5 ปี 10 ปี และ 15 ปี
3) ด้านการขยายฐานนักลงทุน : นักลงทุนสถาบันที่เข้าร่วมทำธุรกรรม ประกอบด้วย
- นักลงทุนสถาบันการเงินในประเทศ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์และกองทุนรวม สัดส่วนร้อยละ 40
- นักลงทุนระยะยาวในประเทศ ได้แก่ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคม
- นักลงทุนสถาบันในต่างประเทศ จากสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สมาพันธรัฐสวิส เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และสาธารณรัฐสิงคโปร์ สัดส่วนร้อยละ 5
ในการนี้ สบน. ขอขอบคุณธนาคารตัวแทนดำเนินธุรกรรม Bond Switching ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) รวมถึง ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และนักลงทุนทุกท่านที่เข้าร่วมและให้การสนับสนุนการดำเนินธุรกรรม Bond Switching ของกระทรวงการคลังในครั้งนี้
สำนักพัฒนาตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 02-271-7999 ต่อ 5818
www.pdmo.go.th
--กระทรวงการคลัง--