Executive Summary
- วันที่ 5 ส.ค. 58 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี
- ดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน มิ.ย.58 เกินดุล 893.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือนมิ.ย.58 หดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ-8.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ปริมาณการจำหน่ายเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กรวม ภายในประเทศเดือน มิ.ย. 58 ขยายตัวที่ร้อยละ 0.1 ต่อปี
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมในเดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 62.6
- ปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือน ก.ค. 58 หดตัวร้อยละ -23.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนก.ค. 58 อยู่ที่ร้อยละ -1.1 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.9
- การส่งออกในเดือน มิ.ย. 58 หดตัวที่ร้อยละ -7.9 ขณะที่การนำเข้าในเดือน มิ.ย. 58 หดตัวที่ร้อยละ -0.2
- อัตราการว่างงานในเดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ร้อยละ 1.0 ของกำลังแรงงานรวม
- สินเชื่อในสถาบันการเงินเดือน มิ.ย.58 ขยายตัวร้อยละ 5.4 ขณะที่เงินฝากในสถาบันการเงินเดือน มิ.ย.58 ขยายตัวร้อยละ 6.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน
- GDP อินโดนีเซีย ไตรมาส 2 ปี 58 ขยายตัวร้อยละ 4.7
- GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 2 ปี 58 ขยายตัวร้อยละ 2.3
Indicator next week
Indicators Forecast Previous July : Cement Sale (%YOY) -0.4 3.1
- เนื่องจากภาคเอกชนยังคงรอดูแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและทิศทางของโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
- ดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน มิ.ย.58 เกินดุล 893.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เกินดุลลดลงจากเดือนก่อนที่เกินดุล 2,126.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นผลจากดุลการค้าที่เกินดุลลดลงอย่างมากที่ 1,988.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่เกินดุล 4,151.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก่อน จากการส่งออกสินค้าที่หดตัวในระดับสูง ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ลดลง และปัจจัยด้านอุปสงค์จากเอเชียและยุโรปที่ชะลอลงต่อเนื่อง ขณะที่การนำเข้ายังคงทรงตัวในระดับต่ำจากปัจจัยด้านราคา ตลอดจนการนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่หดตัว ด้านดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ที่ 1,094.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดดุลลดลงจากเดือนก่อน จากการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของบริษัทต่างประเทศในไทย อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งแรกของปี 58 ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุลทั้งสิ้น 12,322.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- สินเชื่อในสถาบันการเงินเดือน มิ.ย.58 มียอดคงค้าง 15.7 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือขยายตัวร้อยละ 0.2 จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) โดยสินเชื่อธุรกิจขยายตัวเพียงร้อยละ 2.0 ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าค่อนข้างมาก และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหดตัวร้อยละ -1.5 (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) ขณะที่สินเชื่อบริโภคขยายตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 7.2
- เงินฝากในสถาบันการเงินเดือน มิ.ย.58 มียอดคงค้าง 16.7 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือขยายตัวร้อยละ 0.2 จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) โดยการเร่งขึ้นของเงินฝากส่วนหนึ่งยังคงเป็นผลจากปัจจัยฐานต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับยอดเงินฝากของเดือนก่อนหน้าจะเห็นว่าอัตราการขยายตัวทรงตัวในระดับต่ำ สอดคล้องกับการขยายตัวของสินเชื่อ
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือนมิ.ย.58 ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ-8.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยลบจากอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ วิทยุ โทรทัศน์ และเครื่องประดับ เป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี มีบางอุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมปิโตรเลียม และแอร์ ตู้เย็น พัดลม ทั้งนี้ หากพิจารณาแบบปรับผลทางฤดูกาลแล้ว (%mom_sa) พบว่าหดตัวเช่นกันที่ร้อยละ -1.5
- ปริมาณการจำหน่ายเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กรวมภายในประเทศเดือน มิ.ย. 58 ขยายตัวเล็กน้อยที่ ร้อยละ 0.1 ต่อปี แต่หดตัวร้อยละ -1.5 ต่อเดือนหลังหักผลทางฤดูกาลออกแล้ว ทำให้ไตรมาสที่ 2 ของปี 58 ปริมาณจำหน่ายเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กขยายตัวที่ร้อยละ 1.4 ต่อปี และ 6 เดือนแรกของปี 58 ปริมาณการจำหน่ายเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กยังคงหดตัวร้อยละ -2.3 ต่อปี
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ร้อยละ -1.1 ใกล้เคียงกับอัตราเงินเฟ้อในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับมีการปรับลดค่าไฟฟ้า รวมถึงราคาเนื้อสัตว์ที่หดตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อติดลบเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.9 เทียบเท่ากับเดือนก่อนหน้า
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม ในเดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 62.6 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 63.8 ลดลงต่ำสุดในรอบ 14 เดือน และลดลงต่อเนื่อง 7 เดือนติดต่อกัน จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ ที่มีปัจจัยลบจากการส่งออกที่ยังไม่ส่งสัญญาณฟื้นตัว กอปรกับราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลต่อความเสียหายแก่ผลผลิตสินค้าทางการเกษตร ทำให้กำลังซื้อของประชาชนยังคงไม่ดีขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยเฉลี่ยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 58 อยู่ที่ระดับ 66.1 ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 57 ที่ผ่านมา
- ปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือน ก.ค. 58 มีจำนวน 131,672 คัน คิดเป็นการหดตัวร้อยละ -23.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นการหดตัวร้อยละ -27.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังจากขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว โดยเป็นการหดตัวทั้งยอดจำหน่ายในเขตกรุงเทพมหานคร และในเขตชนบท โดยเขตกรุงเทพฯ มียอดจำหน่ายหดตัวร้อยละ -20.5 และเขตชนบทหดตัวร้อยละ -24.0 ผลจากรายได้ภาคเกษตรกรที่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนยังคงชะลอการบริโภคออกไป กอปรกับการเร่งการบริโภครถจักรยานยนต์ในเดือนการหน้า จากโปรโมชั่นของผู้จัดจำหน่าย ทั้งนี้ปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ 7 เดือนแรกของปี 58 หดตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ -0.3
- วันที่ 5 ส.ค. 58 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ เป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี โดย กนง. ประเมินว่า การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยผ่อนคลายภาวะการเงินเพิ่มเติม ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในทิศทางที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ และเห็นว่านโยบายการเงินยังคงควรอยู่ในระดับผ่อนปรนอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง
- การส่งออกในเดือน มิ.ย. 58 มีมูลค่า 18,161.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวที่ร้อยละ -7.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -5.0 จากการ หดตัวทุกหมวดสินค้าหลัก โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมที่หดตัวร้อยละ -7.7 ตามการหดตัวของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์ เป็นสำคัญ นอกจากนี้ สินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวเช่นกันที่ร้อยละ -1.9 และ -7.7 ตามลำดับ ส่งผลให้การส่งออกในไตรมาสที่ 2 ปี 58 หดตัวที่ร้อยละ -5.0 ทั้งนี้ ราคาสินค้าส่งออกหดตัวที่ร้อยละ -1.7 และปริมาณการส่งออกสินค้าหดตัวเช่นกันที่ร้อยละ -6.3
- การนำเข้าในเดือน มิ.ย. 58 มีมูลค่า 18,011.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวชะลอลงที่ร้อยละ -0.2 จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวในระดับสูงที่ร้อยละ -20.0 จากการกลับมาขยายตัวเป็นบวกของสินค้าทุนและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้อยละ 2.7 และ 5.1 รวมถึงสินค้ายานยนต์ที่ขยายตัวเช่นกันที่ร้อยละ 4.0 ในขณะที่ สินค้าวัตถุดิบและสินค้าเชื้อเพลิงหดตัวที่ร้อยละ -0.8 และ -7.1 ตามลำดับ ส่งผลให้การนำเข้าในไตรมาสที่ 2 ปี 58 หดตัวที่ร้อยละ -9.4 ทั้งนี้ ราคาสินค้านำเข้าหดตัวที่ร้อยละ -9.5 และปริมาณการนำเข้าสินค้าขยายตัวที่ร้อยละ 10.3 จากการที่มูลค่าการส่งออกสูงกว่ามูลค่าการนำเข้า ทำให้ดุลการค้าในเดือน มิ.ย. 58 เกินดุล 0.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือน ก.ค. 58 หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -5.3 ต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -4.6 ตามการลดลงของราคาวัสดุก่อสร้างในหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กของเดือน ก.ค. 58 ที่หดตัวร้อยละ -15.9 เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานและวัตถุดิบลดลงและราคาเหล็กในตลาดโลกยังคงลดลง
- การจ้างงานเดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ 38.1 ล้านคน หดตัวลงเล็กน้อยที่ร้อยละ -0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมเป็นสำคัญ เนื่องจากปัญหาภัยแล้งที่ทำให้เกษตรกรไม่สามารถทำการเพาะปลูก โดยเฉพาะการปลูกข้าวนาปี ส่งผลให้จำนวนผู้มีงานทำในภาคเกษตรกรรมลดลงถึง 1.02 ล้านคน ขณะที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 2.8 โดยสาขาที่มีการจ้างงานเพื่มขึ้นมาจากสาขาการก่อสร้าง สาขาการผลิต สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า และสาขาการศึกษา เป็นต้น ในขณะที่ อัตราการว่างงานในเดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ร้อยละ 1.0 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 3.85 แสนคน
- หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน มิ.ย.58 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,684.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.4 ของ GDP และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าพบว่า หนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 2.5 พันล้านบาท ทั้งนี้ สถานะหนี้สาธารณะของไทยถือว่ามีความมั่นคง สะท้อนได้จากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ยังอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ ไม่เกินร้อยละ 60 ของ GDP และหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะยาว (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) (ร้อยละ 98.0 ของยอดหนี้สาธารณะ) และเป็นหนี้ในประเทศ (ร้อยละ 94.0ของยอดหนี้สาธารณะ)
- ยอดขายปูนซีเมนต์ในเดือน ก.ค. 58 คาดว่าจะหดตัวเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ -0.4 ต่อปี เนื่องจากภาคเอกชนยังคงรอดูแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและทิศทางของโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
Global Economic Indicators: This Week
GDP ไตรมาส 2 ปี 58 ขยายตัวร้อยละ 2.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือร้อยละ 0.6 จากไตรมาสก่อน (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) จากการบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกที่เร่งขึ้น ดุลการค้า เดือน มิ.ย. 58 ขาดดุล 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมูลค่าส่งออกหดตัวร้อยละ -5.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 จากสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าทุนที่หดตัว ขณะที่มูลค่านำเข้าหดตัวร้อยละ -0.9 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 จากสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าทุนที่หดตัวเช่นกัน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 52.7 จุด ลดลงจากเดือนก่อนจากดัชนีย่อยด้านราคาและคำสั่งซื้อค้างรับ ขณะที่ดัชนีฯ ภาคบริการอยู่ที่ระดับ 60.3 จุด สูงสุดในรอบ 10 ปีจากดัชนีย่อยการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมาก ที่ประชุม FOMC เมื่อ 28-29 ก.ค. 58 ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0-0.25 ต่อปี
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (NBS) เดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 50.0 จุด ลดลงจาก 50.2 จุด ในเดือนก่อน ดัชนีฯ ภาคบริการ (NBS) อยู่ที่ระดับ 53.9 จุด เพิ่มขึ้นจาก 53.8 จุด ในเดือนก่อน เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (Caixin) เดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 47.8 จุด ลดลงจาก 49.4 จุด ในเดือนก่อน ขณะที่ดัชนีฯ ภาคบริการ (Caixin) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.8 จุด สูงที่สุดในรอบ 11 เดือน
ยอดค้าปลีก เดือน มิ.ย. 58 ขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ1.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือหดต้วร้อยละ -0.6 จากเดือนก่อน (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) ผลจากการชะลงลงในทุกหมวดสินค้า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม เดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ 53.9 จุด ทรงตัวอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า โดยมีสัญญาณการขยายตัวทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ด้วยดัชนีฯ ภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ 52.4 จุด และดัชนีฯ ภาคบริการ อยู่ที่ 54.0 จุด
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 58 (ตัวเลขปรับปรุง) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 51.2 จุด สะท้อนกิจกรรมภาคการผลิตที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง
มูลค่าการส่งออก เดือน มิ.ย. 58 กลับมาขยายตัวร้อยละ 5.0 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการส่งออกไปตลาดจีน ยูโรโซน และสหรัฐฯ ที่ขยายตัวเร่งขึ้นในระดับสูง ส่วนมูลค่าการนำเข้า เดือน มิ.ย. 58 หดตัวร้อยละ -1.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากสินค้าหมวดสินแร่และเชื้อเพลิงซึ่งเป็นผลจากราคาเป็นหลัก ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 7.98 พันล้านริงกิต
GDP ไตรมาสที่ 2 ปี 58 ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 4.7 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือขยายตัวร้อยละ 1.2 จากไตรมาสก่อน (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) จากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง ยอดค้าปลีก เดือน มิ.ย. 58 ขยายตัวร้อยละ 18.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงเป็นเดือนที่ 3 จากอาหารและเครื่องใช้ไฟฟ้า อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ร้อยละ 7.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทรงตัวจากราคาอาหารที่ทรงตัว
อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ร้อยละ 0.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากราคาอาหารที่ลดลง
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ 51.9 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีฯ ภาคก่อสร้างลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยมาอยู่ที่ 57.1 จุด และดัชนีฯ ภาคบริการ ลดลงมาอยู่ที่ 57.4 จุด อย่างไรก็ดี ยังจัดว่าอยู่ในระดับสูง
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 58 ลดลงอยู่ที่ระดับ 49.7 จุด จาก 50.4 จุดในเดือนก่อน จากดัชนีคำสั่งซื้อสินค้าใหม่และสินค้าส่งออกที่ปรับตัวลดลง
มูลค่าส่งออก เดือน ก.ค. 58 หดตัวร้อยละ -3.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากร้อยละ -2.4 ในเดือนก่อน และเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ด้านมูลค่านำเข้า เดือน ก.ค. 58 หดตัวร้อยละ -15.3 เร่งขึ้นจากร้อยละ -13.6 ในเดือนก่อน และเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ทำให้ดุลการค้า เดือน ก.ค. 58 เกินดุล 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับอัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ร้อยละ 0.7 จากช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เร่งขึ้น
มูลค่าส่งออก เดือน ก.ค. 58 หดตัวร้อยละ -3.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากร้อยละ -4.6 ในเดือนก่อน ด้านมูลค่านำเข้า เดือน ก.ค. 58 หดตัวร้อยละ -2.0 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากร้อยละ -4.7 ในเดือนก่อน ทำให้ดุลการค้า เดือน ก.ค. 58 ขาดดุล 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง ขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3
มูลค่าส่งออก เดือน มิ.ย. 58 หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ที่ร้อยละ -0.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการส่งออกไปญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่หดตัว ขณะที่การส่งออกไปจีนกลับมาขยายตัว มูลค่านำเข้าขยายตัวร้อยละ 8.4 จากการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าขั้นกลาง ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุนหดตัว ดุลการค้าขาดดุล 1,597 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ยอดค้าปลีก เดือน มิ.ย. 58 ขยายตัวร้อยละ 5.3 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือร้อยละ 0.7 จากเดือนก่อน (ขจัดผลทางฤดูกาล) จากยอดขายเครื่องใช้ในครัวเรือนและร้านอาหารที่เร่งขึ้นอัตราว่างงาน เดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ร้อยละ 6.3 ของกำลังแรงงานรวม สูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่อัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงาน อยู่ที่ร้อยละ 65.0 ของประชากรวัยแรงงาน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน
- ดัชนี SET ปรับตัวลดลง โดย ณ วันที่ 6 ส.ค. 58 ดัชนีฯ ปิดที่ระดับ 1,430.58 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายต่อวันเบาบางเฉลี่ยทั้งสัปดาห์เพียง 33,770 ล้านบาท ผลจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง กดดันให้หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเกษรปรับตัวลดลง และปัจจัยกระทรวงพาณิชย์ปรับลดลงคาดการณ์การขยายตัวของการส่งออกไทยทั้งปี 58 ลงมาอยู่ที่ร้อยละ -3.0 ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 3-6 ส.ค. 58 นักลงทุนต่างชาติขายหลักทรัพย์สุทธิ 4,303.2 ล้านบาท
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุ 1-5 bps โดยเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 58 กนง. ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี และมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 เดือนและพันธบัตร ธปท. อายุ 3 เดือน 6 เดือนที่ได้รับความสนใจ 3.0 1.9 และ 1.5 เท่าของวงเงินประมูล ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 3-6 ส.ค. 58 นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรสุทธิ 2,320.3 ล้านบาท (ไม่รวมพันธบัตร ธปท.)
- เงินบาทอ่อนค่าลง โดย ณ วันที่ 6 ส.ค. 58 ค่าเงินบาทปิดที่ระดับ 35.17 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นการอ่อนค่าลงร้อยละ 0.98 จากสัปดาห์ก่อน เป็นในทิศทางเดียวกับค่าเงินเยน ยูโร ริงกิตมาเลเซีย และดอลลาร์สิงคโปร์ จากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมากกว่าค่าเงินสกุลอื่นๆ โดยเฉลี่ย ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ในสัปดาห์นี้อ่อนค่าลงร้อยละ 0.69 จากสัปดาห์ก่อน
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3253 : www.fpo.go.th