นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะในฐานะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้แถลงข่าวการดำเนินงานของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดังนี้
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 30 มิถุนายน 2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,682,490.76 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.36 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 2,516.86 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
หนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 6,771.99 ล้านบาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
- การลดลงของตั๋วเงินคลังสุทธิ จำนวน 20,000 ล้านบาท
- การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 3,130.79 ล้านบาท
มีรายละเอียด ดังนี้
- การกู้เงินเพื่อให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กู้ต่อ จำนวน 1,693.33 ล้านบาท สำหรับโครงการซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340-600
- การกู้เงินเพื่อให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและการรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อ จำนวน 1,410.11 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง และรถไฟสายสีแดง
- กรมทางหลวงเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อให้ใช้ในโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) จำนวน 27.35 ล้านบาท
- การกู้เงินบาททดแทนเงินกู้ต่างประเทศเพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จำนวน 173 ล้านบาท
- การกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 23,779 ล้านบาท
- การชำระหนี้ที่กู้มาเพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 32 ล้านบาท
- การชำระคืนหนี้ภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน 24 ล้านบาท
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน มียอดหนี้คงค้างลดลง 2,810.38 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ในประเทศมากกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ ซึ่งในเดือนมิถุนายน 2558 มีการกู้เงินเพื่อลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ การกู้เงินเพื่อเช่าซื้อเครื่องบินแอร์บัส 777-300ER ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 5,435.04 ล้านบาท และการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย 10.83 ล้านบาท
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) มียอดหนี้คงค้างลดลง 6,384.72 ล้านบาท เนื่องจากรัฐวิสาหกิจต่างๆ มีการชำระคืนต้นเงินกู้มากกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีรายการที่สำคัญ ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่กู้มาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนด จำนวน4,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระหนี้เงินต้นที่กู้มาเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เงินจากการระบายข้าว จำนวน 2,365 ล้านบาท
หน่วยงานของรัฐ มียอดหนี้คงค้างลดลง 93.75 ล้านบาท เนื่องจากสำนักงานธนานุเคราะห์ชำระคืนต้นเงินตามสัญญาเงินกู้
หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 เท่ากับ 5,682,490.76 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ในประเทศ 5,343,785.99 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.01 และหนี้ต่างประเทศ 340,704.77 ล้านบาท (ประมาณ 10,110.50 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเท่ากับร้อยละ 5.99 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และหากเปรียบเทียบกับเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 160,273.97 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2558) หนี้ต่างประเทศจะคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.31 ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ
โดยหนี้สาธารณะแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาวถึง 5,572,279.97 ล้านบาท หรือร้อยละ 98.03 และมีหนี้ระยะสั้น 112,210.79 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.97 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ประจำเดือนมิถุนายน 2558
สบน. มีการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ วงเงินรวม 229,610.92 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ของรัฐบาล จำนวน 192,865.05 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 36,745.87 ล้านบาท
การบริหารจัดการหนี้ของรัฐบาล วงเงิน 192,865.05 ล้านบาท ประกอบด้วย
ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐบาล จำนวน 1,268.81 ล้านบาท
- การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 1,095.81 ล้านบาท
- การเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 173 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินบาททดแทนเงินกู้จากธนาคารโลก เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ที่ได้ลงนาม ในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558 วงเงิน 2,000 ล้านบาท
การกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศของรัฐบาล กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้และการลงนามสัญญาเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 12,735.78 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme จำนวน 1,693.33 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ 30 มิถุนายน 2558) เพื่อให้กู้ต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340-600
- การกู้เงินและการเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น จำนวน 11,011.30 ล้านบาท แบ่งเป็น การเบิกจ่ายเงิน จำนวน 314.30 ล้านบาท สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 1เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย และการลงนามในสัญญาเงินกู้ จำนวน 10,697 ล้านบาท สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 2
- การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 27.35 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล จำนวน 133,739.02 ล้านบาท
- การทำธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) โดยกระทรวงการคลังดำเนินการแลกพันธบัตรที่ออกภาย พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รุ่น LB15DA จำนวน 63,960.02 ล้านบาท กับพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในรุ่น ที่กำหนด จำนวน 4 รุ่น
- การปรับโครงสร้างหนี้ R-bill ที่ครบกำหนด ซึ่งออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 46,000 ล้านบาท โดยการออก R-bill จำนวน 30,000 ล้านบาท การกู้เงินระยะสั้น จำนวน 9,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 7,000 ล้านบาท
- การกู้เงินล่วงหน้า (Pre-funding) โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 23,779 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 ธันวาคม 2558
การชำระหนี้ของรัฐบาล จำนวน 45,125.24 ล้านบาท แบ่งเป็น
- การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 37,273 ล้านบาท แบ่งเป็น
- ชำระต้นเงิน จำนวน 497.70 ล้านบาท โดยใช้เงินจากงบประมาณการชำระหนี้ 473.70 ล้านบาท และเงินจากบัญชีเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้ 24 ล้านบาท
- ชำระดอกเบี้ย จำนวน 36,774.34 ล้านบาท โดยใช้เงินจากงบประมาณการชำระหนี้ 35,606.01 ล้านบาท เงินจากบัญชีเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้ 685.93 ล้านบาท และเงินจากดอกผลจากการลงทุนของพันธบัตร Pre-Funding 482.40 ล้านบาท
- ชำระค่าธรรมเนียม จำนวน 0.96 ล้านบาท โดยใช้เงินจากงบประมาณการชำระหนี้
- การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 7,852.24 ล้านบาท แบ่งเป็น
- การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 3,275.42 ล้านบาท แบ่งเป็น ชำระต้นเงิน 32 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 3,243.42 ล้านบาท
- การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 3) จำนวน 4,576.82 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน
การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงิน 36,745.87 ล้านบาท ประกอบด้วย
- การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 3,500 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่รัฐบาลค้ำประกันเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
- การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 5,445.87 ล้านบาท โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กู้เงินจากต่างประเทศ จำนวน 5,435.04 ล้านบาท สำหรับเช่าซื้อเครื่องบิน แอร์บัส 777-300ER และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 10.83 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟสายสีม่วง
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 27,800 ล้านบาท ประกอบด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 23,800 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์ 4,000 ล้านบาท
คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505, 5522, 5903
เอกสารแนบ 1
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีจำนวน 5,684,490.76 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.36 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 2,516.86 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. หนี้ของรัฐบาล 4,070,193.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,771.99 ล้านบาท
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,046,279.66 ล้านบาท ลดลง 2,810.38 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 561,979.27 ล้านบาท ลดลง 6,384.72 ล้านบาท
4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 6,038.24 ล้านบาท ลดลง 93.75 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายละเอียดและสัดส่วนของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558
1.1.2 หนี้ในประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 18,755.19 ล้านบาท โดยมีรายการสำคัญเกิดจาก
- เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้ ลดลง 20,024 ล้านบาท เนื่องจาก
การลดลงของตั๋วเงินคลังสุทธิ 20,000 ล้านบาท
การปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้นที่ออกภายใต้ พ.ร.บ การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และแก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 7,000 ล้านบาท มาเป็นหนี้ระยะยาวโดยการออกพันธบัตรบริหารหนี้ 7,000 ล้านบาท
การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 24 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้
- เงินกู้ให้กู้ต่อ เพิ่มขึ้น 1,095.81 ล้านบาท เนื่องจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน วงเงิน 645.14 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว วงเงิน 346.80 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง วงเงิน 103.87 ล้านบาท
- การเบิกจ่ายเงินกู้ 173 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินบาททดแทนเงินกู้ต่างประเทศเพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 2,000 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558
1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 32 ล้านบาท เกิดจากการชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู (FIDF 1) โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 23,779 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 ธันวาคม 2558
2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
2.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 291.45 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการการเบิกจ่ายและชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนและสกุลเงินยูโร ทำให้ยอดหนี้คงค้างในสกุลเงินบาทลดลง 684.53 ล้านบาท ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 393.08 ล้านบาท
2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง จำนวน 807.02 ล้านบาท เนื่องจาก
- องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 3,556 ล้านบาท
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 2,000 ล้านบาท
- การทางพิเศษแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 1,000 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้มากกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 5,748.98 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 7,766.80 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 2,017.82 ล้านบาท
2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
2.2.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 5,249.37 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเบิกจ่ายเงินและชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในสกุลเงินบาทเพิ่มขึ้น 3,593.35 ล้านบาท ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 1,656.02 ล้านบาท
2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 6,961.28 ล้านบาท เนื่องจาก
- บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด 4,040 ล้านบาท
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไถ่ถอนพันธบัตร 2,033 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 888.28 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 503.61 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 1,391.89 ล้านบาท
3.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 19.72 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินยูโร ทำให้ยอดหนี้คงค้างในสกุลเงินบาทลดลง 23.54 ล้านบาท ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 3.82 ล้านบาท
3.2 หนี้ในประเทศเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 6,365 ล้านบาท เนื่องจาก
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 4,000 ล้านบาท
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนต้นเงินตามสัญญาเงินกู้ 2,365 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีจำนวน 5,684,490.76 ล้านบาท ซึ่งหากแบ่งประเภทหนี้สาธารณะคงค้างเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้น มีรายละเอียด ดังนี้
หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน 5,684,490.76 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 340,704.77 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.99 และหนี้ในประเทศ 5,343,785.99 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.01 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
- หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน 5,684,490.76 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,572,279.97 ล้านบาท หรือร้อยละ 98.03 และหนี้ระยะสั้น 112,210.79 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.97 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 7
- หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน 5,684,490.76 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 4,894,722.42 ล้านบาท หรือร้อยละ 86.11 และหนี้ระยะสั้น 789,768.34 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.89 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5522
เอกสารแนบ 2
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงาน บริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนมิถุนายน 2558 วงเงินรวม 229,610.92 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 192,865.05 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ 36,745.87 ล้านบาท 1. การบริหารจัดการหนี้รัฐบาล วงเงินรวม 192,865.05 ล้านบาท ประกอบด้วย
การกู้เงินในประเทศ 1,268.81 ล้านบาท
การกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 12,731.98 ล้านบาท
การปรับโครงสร้างหนี้ 133,739.02 ล้านบาท
การชำระหนี้ 45,125.24 ล้านบาท
1.1 การกู้เงินในประเทศ กระทรวงการคลังกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 1,268.81 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
1.1.1 การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 1,095.81 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 645.14 ล้านบาท สายสีเขียว จำนวน 346.80 ล้านบาท และสายสีม่วง จำนวน 103.87 ล้านบาท
1.1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 173 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินบาททดแทนเงินกู้จากธนาคารโลกเพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558 วงเงิน 2,000 ล้านบาท
1.2 การกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้และการลงนามสัญญาเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 12,731.98 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
1.2.1 การเบิกจ่ายเงินกู้และลงนามในสัญญาเงินกู้กับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จำนวน 11,011.30 ล้านบาท แบ่งเป็น การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 1 จำนวน 1,128.14 ล้านเยน หรือคิดเป็น 314.30 ล้านบาท และการลงนามในสัญญาเงินกู้ จำนวน 38,203 ล้านเยน หรือคิดเป็น 10,697 ล้านบาท สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 2
1.2.2 การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 0.81 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 27.35 ล้านบาทสำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง
1.2.3 การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme จำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 1,693.33 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ 30 มิถุนายน 2558) เพื่อให้กู้ต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการซื้อเครื่องบิน แอร์บัส A340-600
1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 133,739.02 ล้านบาท
1.3.1 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 109,960.02 ล้านบาท
ในเดือนมิถุนายน 2558 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ ดังนี้
(1) การทำธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) โดยกระทรวงการคลังดำเนินการแลกพันธบัตรที่ออกภาย พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รุ่น LB15DA จำนวน 63,960.02 ล้านบาท กับพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในรุ่นที่กำหนด จำนวน 4 รุ่น
(2) การปรับโครงสร้างหนี้ R-bill ที่ครบกำหนด ซึ่งออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 46,000 ล้านบาท โดยการออก R-bill จำนวน 30,000 ล้านบาท การกู้เงินระยะสั้น จำนวน 9,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 7,000 ล้านบาท
1.3.2 การกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 23,779 ล้านบาท ในเดือนมิถุนายน 2558 มีการกู้เงินล่วงหน้า (Pre-funding) โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้จำนวน 23,779 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 ธันวาคม 2558
1.4 การชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 45,125.24 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
1.4.1 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 37,273 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
- ชำระต้นเงิน จำนวน 497.70 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณ 473.70 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้ต่างประเทศ และเงินจากบัญชีเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้ 24 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้ในประเทศ
- ชำระดอกเบี้ย จำนวน 36,774.34 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณ 35,606.01 ล้านบาท เงินจากบัญชีเงินกู้เพื่อการบริหารหนี้ 685.93 ล้านบาท และเงินจากดอกผลจากการลงทุนของพันธบัตร Pre-Funding 482.40 ล้านบาท
- ชำระค่าธรรมเนียมการจำหน่ายพันธบัตรภายในประเทศ จำนวน 0.96 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณ
1.4.2 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 7,852.24 ล้านบาท แบ่งเป็น
(1) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 3,275.42 ล้านบาท แบ่งเป็น ชำระต้นเงิน 32 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 3,243.42 ล้านบาท
(2) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 3) จำนวน 4,576.82 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน
2.1 การกู้เงินในประเทศ
การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินในประเทศ จำนวน 3,500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในรูปของสัญญาเงินกู้ระยะยาวที่รัฐบาลค้ำประกัน
2.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ
รัฐวิสาหกิจได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้ และกู้เงินจากต่างประเทศ จำนวน 5,445.87 ล้านบาท ดังนี้
2.2.1 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จาก JICA สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 38.86 ล้านเยน หรือคิดเป็น 10.83 ล้านบาท
2.2.2 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กู้เงินจากต่างประเทศ จำนวน 160.20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 5,435.04 ล้านบาท สำหรับเช่าซื้อเครื่องบิน แอร์บัส 777-300ER
2.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศรัฐวิสาหกิจได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นเงิน 27,800 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
--กระทรวงการคลัง--