รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2558 ผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดย สบน. ประจำเดือนกรกฎาคม 2558

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 10, 2015 11:13 —กระทรวงการคลัง

นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะในฐานะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้แถลงข่าวการดำเนินงานของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดังนี้

1. รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2558

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 กรกฎาคม 2558 มีจำนวน 5,718,472.95 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.85 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 33,982.19 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

หนี้ของรัฐบาล มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 21,185.07 ล้านบาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 20,000 ล้านบาท

การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 7,020.46 ล้านบาท มีรายการที่สำคัญ ดังนี้

1. การกู้เงินเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ จำนวน 5,662.24 ล้านบาท ได้แก่

  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินให้กู้ต่อ 3,232.40 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง
  • การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินให้กู้ต่อ 663.25 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถรถไฟสายสีแดง และโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง
  • บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กู้ต่อ 1,766.59 ล้านบาท สำหรับโครงการซื้อเครื่องบินแอร์บัส A340-600

2. การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน จำนวน 1,000 ล้านบาท

การชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 6,957.47 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น หนี้ในประเทศ 6,864 ล้านบาท หนี้ต่างประเทศ 93.47 ล้านบาท

หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 85.16 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 5,921.28 ล้านบาท

การชำระคืนหนี้มากกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้หนี้ลดลง 5,836.12 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้ต่างประเทศ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 3,345.30 ล้านบาท และการชำระคืนหนี้ในประเทศมากกว่าการเบิกจ่าย 1,345.65 ล้านบาท

หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) มียอดหนี้คงค้างลดลง 3,324.79 ล้านบาท โดยมีรายการที่สำคัญ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระหนี้เงินต้นที่กู้มาเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เงินจากการระบายข้าว จำนวน 2,258 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่กู้มาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนด จำนวน 1,000 ล้านบาท

หน่วยงานของรัฐ มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 16,036.75 ล้านบาท เนื่องจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูผลิต ปี 2557/2558

หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2558 เท่ากับ 5,718,472.95 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ในประเทศ 5,373,471.74 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.97 และหนี้ต่างประเทศ 345,001.21 ล้านบาท (ประมาณ 9,967.94 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเท่ากับร้อยละ 6.03 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และหากเปรียบเทียบกับเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 156,944.03 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ 31 กรกฎาคม 2558) หนี้ต่างประเทศ จะคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.35 ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ

โดยหนี้สาธารณะแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาวถึง 5,605,172.95 ล้านบาท หรือร้อยละ 98.02 และ มีหนี้ระยะสั้น 113,300 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.98 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

2. รายงานผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนกรกฎาคม 2558

สบน. มีการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ วงเงินรวม 128,683.64 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ของรัฐบาล จำนวน 89,945.64 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 38,738 ล้านบาท

การบริหารจัดการหนี้ของรัฐบาล วงเงิน 89,945.64 ล้านบาท ประกอบด้วย

ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐบาล จำนวน 25,116.65 ล้านบาท

1. การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 20,000 ล้านบาท

2. การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ จำนวน 50 ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 15,393 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ภายใต้ พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศฯ

3. การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 3,895.65 ล้านบาท

4. การเบิกจ่ายเงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 1,171 ล้านบาท

การกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศของรัฐบาล กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้และการลงนามสัญญาเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 1,903.81 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme จำนวน 1,766.59 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ 31 กรกฎาคม 2558) เพื่อให้กู้ต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการซื้อเครื่องบิน แอร์บัส A340-600

2. การเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น จำนวน 48.99 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินกู้สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนนนทบุรี 1 ของกรมทางหลวงชนบท จำนวน 28.21 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต จำนวน 20.78 ล้านบาท

3. การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 88.23 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง

การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล จำนวน 44,950 ล้านบาท

1. การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล ที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 35,950 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 20,000 ล้านบาท การทำสัญญาเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 10,000 ล้านบาท และการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 5,950 ล้านบาท

2. การปรับโครงสร้างหนี้สัญญาเงินกู้ระยะสั้น โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 9,000 ล้านบาท

การชำระหนี้ของรัฐบาล จำนวน 17,975.18 ล้านบาท แบ่งเป็น

1. การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 15,516.81 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • ชำระต้นเงิน จำนวน 6,957.47 ล้านบาท โดยใช้เงินจากงบประมาณทั้งจำนวน
  • ชำระดอกเบี้ย จำนวน 8,559.34 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น ดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ 8,374.12 ล้านบาท และดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ 185.22 ล้านบาท
  • การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 1,067.40 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน
  • การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 3) จำนวน 1,390.97 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน

การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงิน 38,738 ล้านบาท ประกอบด้วย

การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 5,211 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในรูปของสัญญาเงินกู้ระยะยาวที่รัฐบาลค้ำประกัน

การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 33,527 ล้านบาท ประกอบด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 25,000 ล้านบาท การรถไฟแห่งประเทศไทย 6,527 ล้านบาท และการเคหะแห่งชาติ 2,000 ล้านบาท

คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505, 5522, 5903

เอกสารแนบ 1

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอแถลงสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2558 ดังนี้

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2558 มีจำนวน 5,718,472.95 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.85 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 33,982.19 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. หนี้ของรัฐบาล 4,091,378.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21,185.07 ล้านบาท

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,046,364.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.16 ล้านบาท

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 558,654.48 ล้านบาท ลดลง 3,324.79 ล้านบาท

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 22,074.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,036.75 ล้านบาท

ทั้งนี้ รายละเอียดและสัดส่วนของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2558

1. หนี้ของรัฐบาล

1. หนี้ของรัฐบาล

1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 21,185.07 ล้านบาท เนื่องจาก

1.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 2,932.42 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเบิกจ่ายและชำระคืนหนี้เงินเหรียญสหรัฐและหนี้เงินเยน ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้นสุทธิ 1,810.34 ล้านบาท ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 1,122.08 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ หลังจากที่ทำการป้องกัน ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 18,252.65 ล้านบาท โดยมีรายการสำคัญเกิดจาก

  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 20,000 ล้านบาท
  • เงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ ภายใต้ พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศลดลง 3,450 ล้านบาท เนื่องจากมีการชำระคืนต้นเงินกู้ที่ครบกำหนด 3,500 ล้านบาท และการเบิกจ่ายเงินกู้ 50 ล้านบาท
  • เงินกู้ให้กู้ต่อ เพิ่มขึ้น 3,531.65 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้มากกว่าการชำระคืน จำนวน 2,868.40 ล้านบาท โดยเป็นเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 3,232.40 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว 2,666.14 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 433.26 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง 133 ล้านบาท และชำระหนี้ก่อนครบกำหนด 364 ล้านบาท

การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 663.25 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง 574.87 ล้านบาท และโครงการรถไฟสายสีแดง 88.38 ล้านบาท

  • การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ ลดลง 1,829 ล้านบาท เนื่องจาก

เงินกู้เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) มีเบิกจ่ายเงินกู้น้อยกว่าการชำระคืน จำนวน 2,829 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่าย 171 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ที่ครบกำหนด 3,000 ล้านบาท

การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน:มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 จำนวน 1,000 ล้านบาท

1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า 1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน

2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน

2.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 72.81 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้เงินเยน ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 911.07 ล้านบาท ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 838.26 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 3

2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง จำนวน 729.09 ล้านบาท เนื่องจาก

  • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด 1,500 ล้านบาท
  • การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 1,000 ล้านบาท
  • การรถไฟแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 1,000 ล้านบาท
  • รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้มากกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 2,770.91 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 5,299.10 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 2,528.19 ล้านบาท

2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน

2.2.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 1,503.62 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 5,083.02 ล้านบาท ประกอบกับการชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 3,579.40 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 4

2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 616.56 ล้านบาท เนื่องจาก

  • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไถ่ถอนพันธบัตร 125 ล้านบาท
  • รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 491.56 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 100.31 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 591.87 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)

3.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 66.79 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้เงินเหรียญสหรัฐและหนี้เงินเยน ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 82.01 ล้านบาท ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 15.22 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 5

3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 3,258 ล้านบาท เนื่องจาก

  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 1,000 ล้านบาท
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนต้นเงินตามสัญญาเงินกู้ 2,258 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ มีรายละเอียดปรากฏตามแผนภาพที่ 3

3. หนี้หน่วยงานของรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 16,036.75 ล้านบาท เนื่องจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูผลิต ปี 2557/2558

หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2558 มีจำนวน 5,718,472.95 ล้านบาท ซึ่งหากแบ่งประเภทเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้น มีรายละเอียด ดังนี้

หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 345,001.21 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.03 และหนี้ในประเทศ 5,373,471.74 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.97 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 6

          -          หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,605,172.95 ล้านบาท หรือร้อยละ 98.02 และหนี้ระยะสั้น 113,300 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.98 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 7
          -          หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 4,974,951.45 ล้านบาท หรือร้อยละ 87 และหนี้ระยะสั้น 743,521.49 ล้านบาท หรือร้อยละ 13 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

เอกสารแนบ 2

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนกรกฎาคม 2558 วงเงินรวม 128,683.64 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 89,945.64 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ 38,738 ล้านบาท

1. การบริหารจัดการหนี้รัฐบาล วงเงินรวม 89,945.64 ล้านบาท ประกอบด้วย

การกู้เงินในประเทศ 25,116.65 ล้านบาท

การกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 1,903.81 ล้านบาท

การปรับโครงสร้างหนี้ 44,950 ล้านบาท

การชำระหนี้ 17,975.18 ล้านบาท

1.1 การกู้เงินในประเทศ กระทรวงการคลังกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 25,116.65 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้

1.1.1 การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 20,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลทั้งจำนวน

1.1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ จำนวน 50 ล้านบาท จากสัญญาเงินกู้วงเงิน 15,393 ล้านบาท ที่ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ภายใต้ พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศฯ

1.1.3 การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 3,895.65 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (1) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 133 ล้านบาท สายสีน้ำเงิน จำนวน 433.26 ล้านบาท และสายสีเขียว จำนวน 2,666.14 ล้านบาท และ (2) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำโครงการรถไฟสายสีแดง จำนวน 88.38 ล้านบาท และโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 574.87 ล้านบาท

1.1.4 การเบิกจ่ายเงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 1,171 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (1) เงินกู้เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จำนวน 171 ล้านบาท (2) เงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 จำนวน 1,000 ล้านบาท

1.2 การกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 1,903.81 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้

1.2.1 การเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จำนวน 48.99 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินกู้สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนน นนทบุรี 1 ของกรมทางหลวงชนบท จำนวน 98.47 ล้านเยน หรือคิดเป็น 28.21 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต จำนวน 72.52 ล้านเยน หรือคิดเป็น 20.78 ล้านบาท

1.2.2 การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 2.50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 88.23 ล้านบาทสำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง

1.2.3 การกู้เงิน Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme จำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 1,766.59 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ 31 กรกฎาคม 2558) เพื่อให้กู้ต่อแก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการซื้อเครื่องบิน แอร์บัส A340-600

1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 44,950 ล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม 2558 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ ดังนี้

(1) การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล ที่ออกภายใต้ พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 35,950 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 20,000 ล้านบาท การทำสัญญาเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 10,000 ล้านบาท และการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 5,950 ล้านบาท

(2) การปรับโครงสร้างหนี้สัญญาเงินกู้ระยะสั้น โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 9,000 ล้านบาท

1.4 การชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 17,975.18 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

1.4.1 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 15,516.81 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้

  • ชำระต้นเงิน จำนวน 6,957.47 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น (1) การชำระหนี้ที่อยู่ภายใต้ พ.ร.ก. บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ ฯ 3,500 ล้านบาท (2) การชำระหนี้เงินกู้ DPL 3,000 ล้านบาท (3) การชำระหนี้เงินกู้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย 364 ล้านบาท และ (4) การชำระหนี้ต่างประเทศ 93.47 ล้านบาท
  • ชำระดอกเบี้ย จำนวน 8,559.34 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น (1) ดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ 8,374.12 ล้านบาท และ (2) ดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ 185.22 ล้านบาท

1.4.2 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 2,458.37 ล้านบาท แบ่งเป็น

(1) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 1,067.40 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน

(2) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 3) จำนวน 1,390.97 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยทั้งจำนวน

2. การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม 38,738 ล้านบาท

2.1 การกู้เงินในประเทศ การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินในประเทศ จำนวน 5,211 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในรูปของสัญญาเงินกู้ระยะยาวที่รัฐบาลค้ำประกัน

2.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ ในเดือนกรกฎาคม 2558 รัฐวิสาหกิจไม่มีการเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศ

2.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ รัฐวิสาหกิจได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นเงิน 33,527 ล้านบาท

--กระทรวงการคลัง--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ