รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2558

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2558

1. บลจ. เอ็มเอฟซี คาดเศรษฐกิจไทยในปี 59 จะขยายตัวที่ช่วงร้อยละ 3.0 - 4.0

2. ผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารธุรกิจทั่วโลกมองอินเดียเป็นประเทศน่าลงทุนที่สุดในโลก

3. ธนาคารกลางเกาหลีใต้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจปี 58

• นายณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรมว. กระทรวงพลังงาน ในฐานะกรรมการบลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) กล่าวในงานสัมมนา MFC Finance Forum ครั้งที่ 20 ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 59 คาดว่าจะเติบโตได้ดีที่ประมาณร้อยละ 3.0 - 4.0 จากแรงหนุนด้านการลงทุนภาครัฐเป็นหลัก และมองว่าการกำหนดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ร้อยละ 20 เป็นการถาวรนั้นจะช่วยดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติได้มากขึ้น
• สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 59 คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นและเข้าสู่วัฎจักรการเติบโตแบบใหม่ (New Normal) ผนวกกับปัจจัยส่งเสริมการเติบโตภายในประเทศ อาทิ (1) มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลตั้งแต่ปลายปี 58 จนถึงกลางปี 59 ทั้งการผ่อนปรนสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ลดภาระค่าธรรมเนียมการทำนิติกรรม และยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นครั้งแรกและอาศัยอยู่จริงต่อเนื่องกัน 5 ปีภาษี (2) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง เป็นแรงสนับสนุนต่อต้นทุนการครองชีพ และ (3) มาตรการด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษี Venture Capital ตั้งแต่ 1 ม.ค. 59 เป็นต้นไปเพื่อลดภาระการลงทุนและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันแก่ภาคธุรกิจไทย ทั้งนี้ สศค. จะมีการแถลงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 59 ช่วงสิ้นเดือนต.ค. 58 นี้ ซึ่งคาดว่าตัวเลขคาดการณ์จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน

• ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารธุรกิจทั่วโลก โดยบริษัท Earnst and Young ซึ่งสำรวจจากผู้บริหารจำนวน 505 ราย ระบุว่าอินเดียเป็นประเทศที่ดึงดูดใจมากที่สุดสำหรับการลงทุน (ร้อยละ 32 ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด) รองลงมาคือจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บราซิล และอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ ร้อยละ 60 ของผู้ตอบแบบสอบถามยังมองว่าอินเดียเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่น่าลงทุนมาก โดยปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางการเมือง นโยบายดึงดูดการลงทุน และความสะดวกในการทำธุรกิจของอินเดียเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อินเดียน่าลงทุน
• สศค. วิเคราะห์ว่า ผลสำรวจดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีอินเดีย นายนเรนทรา โมดี ที่มีทั้งการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจและการลงทุนในอินเดีย และการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค อีกทั้งอินเดียมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 57 เศรษฐกิจอินเดียเติบโตถึงร้อยละ 7.1 และเติบโตร้อยละ 7.0 ในไตรมาส 2 ปี 58 ทั้งนี้ IMF คาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวร้อยละ 7.3 ในปี 58 จากอุปสงค์ในประเทศยังคงขยายตัวได้ดี และการลงทุนที่ขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยในไตรมาส 2 ปี 58 เศรษฐกิจอินเดียขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 4.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ ณ เดือน ก.ค. 58 ว่าเศรษฐกิจอินเดียในปี 58 นี้จะขยายตัวร้อยละ 7.1 โดยจะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในช่วงปลายเดือน ต.ค. 58 นี้

• ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ประกาศปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 58 ลงเหลือร้อยละ 2.7 จากร้อยละ 2.8 ในการประเมินครั้งก่อน หลังจากที่ในวันเดียวกันธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
• สศค. วิเคราะห์ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ซึ่งในช่วงที่ผ่านชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ทั้งจากมูลค่าการส่งออกที่หดตัวมาแล้วกว่า 9 เดือนติดต่อกัน ทำให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 58 มูลค่าส่งออกเกาหลีใต้หดตัวถึงร้อยละ -6.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน นอกจากนี้ การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำจะยังช่วยสนับสนุนภาคการบริโภคและลงทุน ที่ในช่วงครึ่งแรกของปีขยายตัวในระดับต่ำเพียงร้อยละ 1.6 และ 2.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ ในสภาวะที่แรงกดดันจากเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ โดยในไตรมาสที่ 3 เฉลี่ยเพียงร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ปัจจัยเหล่านี้จะเอื้อให้ธนาคารกลางเกาหลีใต้สามารถดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายได้ต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของธนาคารกลางเกาหลีใต้ที่มองว่า เศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวได้ในปี 59 โดยจะขยายตัวร้อยละ 3.2 ทั้งนี้ สศค. จะปรับประมาณการเศรษฐกิจเกาหลีใต้อีกครั้งในช่วงปลายเดือน ต.ค. 58 นี้

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257