รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 30 ตุลาคม 2558

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 30, 2015 11:44 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 30 ตุลาคม 2558

Summary:

1. EXIM Bankปรับปรุงบริการสินเชื่อและปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ

2. จีนตั้งเป้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6.53 เพื่อ "สังคมที่เจริญรุ่งเรืองพอสมควร"

3. ดัชนีหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้สัญญาณว่าอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ย ธ.ค. นี้

1.EXIM Bank ปรับปรุงบริการสินเชื่อและปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
  • นายเขมทัศน์ สายเชื้อ รักษาการกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) เปิดเผยว่าธนาคารได้ปรับปรุงบริการสินเชื่อและปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาวสำหรับสินเชื่อเพื่อการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีที่ 1 เท่ากับ Prime Rate ลบร้อยละ 2.50 ต่อปี (ปัจจุบัน Prime Rate อยู่ที่ร้อยละ 6.5 ต่อปี) และปีที่ 9-15 เท่ากับ Prime Rate ลบร้อยละ 1.00 ต่อปี นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังปรับปรุงบริการให้ครอบคลุมความต้องการของผู้ประกอบการมากขึ้น โดยให้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้นแก่ผู้บริกอบการที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อระยะยาวภายใต้โครงการด้วย ทั้งนี้ บริการสินเชื่อดังกล่าวครอบคลุมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 5 แห่ง นิคมอุตสาหกรรมกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ จังหวัดชายแดนทุกจังหวัด และยังครอบคลุมถึงเขตเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะจัดตั้งขึ้นในอนาคต เช่น เขตพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบคลัสเตอร์ด้วย
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับปรุงบริการสินเชื่อและลดอัตราดอกเบี้ยจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนใหม่หรือขยายกิจการที่ดำเนินการอยู่แล้วในเขตเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรม และจังหวัดชายแดน ตามนโยบายของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจภูมิภาคและทำให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั้งนี้ในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 3 ปี 58 การลงทุนมีแนวโน้มฟื้นตัวและกระจายตัวไปในภูมิภาคต่างๆ มากขึ้น โดยเม็ดเงินลงทุนในโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการขยายตัวร้อยละ 2.7 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเร่งขึ้นของการขยายตัวในภาคตะวันตก ภาคกลาง และกทม. และปริมณฑล ขณะที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการขยายตัวสูง เนื่องจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม การลงทุนในภาคตะวันออกและภาคใต้มีการหดตัว
2. จีนตั้งเป้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6.53 เพื่อ "สังคมที่เจริญรุ่งเรืองพอสมควร"
  • สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่านายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงได้กล่าวในการประชุมประจำปีเพื่อกำหนดกรอบแผนพัฒนาประเทศระยะ 5 ปี (ปี 2559 - 2563) ว่าเศรษฐกิจจีนจำเป็นที่จะต้องขยายตัวในอัตราที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 6.53 ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เพื่อสังคมที่เจริญรุ่งเรืองพอสมควร (Moderately prosperous society) และจีนไม่ควรใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 26-29 ต.ค. 58 ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เข้าร่วมหารือกันในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 (5th Plenary session) ของคณะกรรมการกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 (18th Communist Party of China Central Committee) เพื่อกำหนดทิศทางแผนพัฒนาระยะ 5 ปี (2559-2563) โดยตามธรรมเนียมปฏิบัติหลังจากการประชุมนี้ จะมีการเปิดเผยเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งหากเป็นไปตามที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานตามแหล่งข่าวของทางการจีนที่เปิดเผยว่าเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจคือไม่น้อยกว่าร้อยละ 6.53 ก็จะเป็นการปรับเป้าหมายลดลงจากที่ร้อยละ 7.0 ในปัจจุบัน และอาจหมายถึงระดับปกติใหม่ (New Normal) ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีน ซึ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนสามารถขยายตัวเฉลี่ยได้ในอัตราสูงถึงร้อยละ 10.0 ต่อปี อย่างไรก็ตาม การตั้งเป้าหมายดังกล่าวนั้น ทางการจีนจะต้องดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นเดียวกับในช่วงที่ผ่านมาเพื่อประคองเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอลงเร็วเกินไป ทั้งนี้ รายละเอียดผลการประชุมดังกล่าวมักจะมีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการประมาณ 10 วัน หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น
3. ดัชนีหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้สัญญาณว่าอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ย ธ.ค. นี้
  • ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของเอเชียยกเว้นจีนและญี่ปุ่นปรับตัวลดลงในวันที่ 29 ต.ค. 58 ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่27 - 28 ต.ค. 58 มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ0-0.25 ต่อปี โดยให้สัญญาณว่าอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธ.ค. 58 นี้
  • สศค. วิเคราะห์ว่า สัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 58 (เช้าตรู่วันที่ 29 ต.ค. 58 ตามเวลาเอเชีย) นั้น เป็นการส่งสัญญาณที่ออกมาในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ (ณ เดือน ก.ย. 58) อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายในระยะกลางที่ร้อยละ 2.0 ค่อนข้างมาก และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังคงเปราะบาง ทำให้ตลาดปรับการประเมินโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้าในวันที่ 15 - 16 ธ.ค. 58 เป็นร้อยละ 43 จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ 34 ในการประชุม FOMC ครั้งก่อน ทั้งนี้ การประเมินดังกล่าวทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินสหรัฐฯ มากขึ้น และทำให้มีเงินทุนเคลื่อนย้ายออกจากเอเชียกลับเข้าตลาดสหรัฐฯ สะท้อนจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้น อาทิ ดัชนี ดาวโจนส์และแนสแดคที่ปิดตลาดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ1.1 และร้อยละ1.2 จากวันก่อน ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของเอเชียปรับตัวลดลง อาทิ ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง ดัชนี Jakarta ของอินโดนีเซีย และดัชนี Straits Times ของสิงคโปร์ปรับลดลงร้อยละ -0.60 ร้อยละ -2.73 และร้อยละ -1.14 ตามลำดับ ทั้งนี้ คาดว่าตลาดการเงินในภูมิภาคเอเชียและตลาดเกิดใหม่อื่นๆ จะยังคงมีความผันผวนสูงจนกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ จะถูกปรับขึ้นจริง

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ