Macro Morning Focus ประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558
Summary:
1. สศอ. ปรับโครงสร้างข้อมูล MPI หวังช่วยดันดัชนีทั้งปีฟื้นตัว
2. พาณิชย์เตรียมประชุม "ทูตพาณิชย์" กำหนดเป้าส่งออกปีหน้า
3. อิหร่านเตรียมขายน้ำมันล็อตใหญ่หลังยกเลิกคว่ำบาตร
1. สศอ. ปรับโครงสร้างข้อมูล MPI หวังช่วยดันดัชนีทั้งปีฟื้นตัว
- รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศอ. ได้ปรับปรุงโครงสร้างฐานข้อมูลดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) และเตรียมใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ผลทางเศรษฐกิจในเดือน ต.ค. 58 โดยจะเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการในเดือน พ.ย. 58 โดยการปรับปรุงครั้งนี้จะมีการตัดสินค้าเดิมออก 14 รายการและเพิ่มจำนวนสินค้าในการคำนวณดัชนี 33 รายการ เช่นน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 เป็นต้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า ข้อมูลดัชนี MPI นับเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญในการติดตามประเมินภาวะเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นข้อมูลการผลิตที่มีความครอบคลุมในสินค้าอุตสาหกรรมทุกประเภท โดยจะแบ่งตามเลขรหัสสินค้าหรือ ISIC (International Standard Industrial Classification) อย่างไรก็ดี ในช่วงหลังการวิเคราะห์เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมจาก MPI อาจมีความคลาดเคลื่อนจากสภาวะเศรษฐกิจจริง เนื่องจากปีฐานของ MPI (ปี 43) ค่อนข้างล้าสมัยเป็นผลทำให้น้ำหนักถ่วงของแต่ละสินค้าไม่ค่อยสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันมากนักยกตัวอย่างเช่น การผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่เคยเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยซึ่งมีน้ำหนักในปีฐานของ MPI สูงถึงร้อยละ 6.0 แต่ในปัจจุบันการผลิตดังกล่าวได้ลดลงไปมากจากสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปจึงทำให้ภาพรวมของ MPI ไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจจริงเท่าที่ควร ทั้งนี้คาดว่าเมื่อมีการปรับปรุงโครงสร้างดัชนีสินค้าประเภทยานยนต์น่าจะมีน้ำหนักต่อเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากโครงสร้างเดิมได้
2. พาณิชย์เตรียมประชุม "ทูตพาณิชย์" กำหนดเป้าส่งออกปีหน้า
- อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนที่เหลือปีนี้จะมีการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์แต่ละประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์การค้าทุกตลาดใหม่อีกครั้งก่อนกำหนดเป้าหมายการส่งออกปี 59 เบื้องต้นคาดว่าตัวเลข การส่งออกปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ที่คาดการณ์ว่าจะติดลบไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 แต่ในปีหน้าการส่งออกจะเป็นบวกหรือไม่ต้องรอผลการประชุมทูตพาณิชย์แต่ละภูมิภาคก่อน แต่เชื่อว่าจากหลายปัจจัยทั้งตลาดโลกและแนวทางการสนับสนุนของรัฐบาลจะหนุนให้การส่งออกไทยปีหน้ากลับมาดีขึ้นได้
- สศค. วิเคราะห์ว่า การส่งออกสินค้าของไทยในปี 58 หดตัวอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นระยะเวลา 9 เดือน จากเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวอย่างอ่อนแอ ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนของปี 58 การส่งออกสินค้าหดตัวไปแล้ว ร้อยละ -5.0 และคาดว่าในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปี 58 การส่งออกสินค้าจะยังหดตัวต่อเนื่อง โดย สศค. คาดว่าในปี 58 การส่งออกสินค้าจะหดตัว ร้อยละ -5.4 (ประมาณการ ณ เดือน ต.ค. 58) อย่างไรก็ดี รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นหน่วยงานหลักของการส่งออกสินค้า ได้พยายามหาแนวทางเพื่อจะทำให้การส่งออกของไทยกลับมาเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง อาทิ การปรับแผนการตลาด การกำหนดยุทธศาสตร์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค และเน้นผลักดันกลุ่มสินค้าบริการ รวมถึงการพัฒนาผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่ง ซึ่งแนวทางต่างๆ ดังกล่าวจะส่งผลให้การส่งออกสินค้าในปี 59 กลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปี 59 ซึ่ง สศค. คาดว่าในปี 59 การส่งออกสินค้าจะขยายตัว ร้อยละ 3.2 (ช่วงคาดการณ์อยู่ที่ร้อยละ 1.2-5.2) ประมาณการ ณ เดือน ต.ค. 58
3. อิหร่านเตรียมขายน้ำมันล็อตใหญ่หลังยกเลิกคว่ำบาตร
- ประเทศอิหร่านเตรียมการขายน้ำมันดิบในคลังสำรองของตนกว่า 45 ล้านบาร์เรลหลังจากมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจากประเทศพัฒนาแล้วในกรณีการถือครองอาวุธนิวเคลียร์ ทางการอิหร่านวางแผนจะส่งออกต่างประเทศประมาณ 5 แสนบาร์เรลต่อวันภายในสัปดาห์แรกหลังการยกเลิกการคว่ำบาตร โดยคาดว่าน้ำมันดิบทั้งหมดกว่า 45 ล้านบาร์เรลจะสามารถออกสู่ตลาดได้หมดภายใน 3 เดือน
- สศค. วิเคราะห์ว่า อุปทานจากอิหร่านจะมีส่วนสำคัญในการทำให้ราคาน้ำมันในช่วงปลายปี 58 ถึงต้นปี 59 มีโอกาสปรับตัวลดลง เนื่องจากอิหร่านต้องขายน้ำมันของตนเองในระดับราคาที่ต่ำ เพื่อผลักดันน้ำมันปริมาณมากออกสู่ตลาดในเวลาอันสั้น อีกทั้งนักวิเคราะห์ยังมองว่าน้ำมันของอิหร่านที่มีอยู่นั้นมีคุณภาพต่ำจากการที่มีส่วนผสมของสารซัลเฟอร์สูงทำให้ไม่สามารถขายได้ ในระดับราคาน้ำมันทั่วไป นอกจากนี้ อุปทานของอิหร่านในส่วนดังกล่าวนี้ยังมีแนวโน้มที่จะกดดันราคาในปีหน้าให้ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำเช่นกัน อย่างไรก็ตามหน่วยงานข้อมูลพลังงานของสหรัฐฯ หรือ EIA คาดการณ์ว่าอุปทานโดยรวมของโลกในปีหน้าจะชะลอลง โดยอุปทานน้ำมันดิบของโลกจะสามารถขยายตัวได้เพียง ร้อยละ 0.5 เท่านั้น ซึ่งกลุ่มโอเปคที่มีอิหร่านที่มีแนวโน้มการผลิต ที่ขยายตัวสูงเป็นสมาชิกก็มีแนวโน้มที่จะมีกำลังการผลิตรวมขยายตัวลดลงเช่นกัน โดย EIA คาดว่ากลุ่มโอเปคจะผลิตมากขึ้นจากปีนี้เพียง ร้อยละ 0.8 สศค. คาดการณ์ระดับราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ย ในปีนี้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 53.0 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบจะปรับเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 57.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลโดยเฉลี่ยในปีหน้า หรือคิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.0
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257