Macro Morning Focus ประจำวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558
Summary:
1. กนง.มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี
2. พาณิชย์แนะผู้ส่งออกไทยใช้โอกาสบุกแคนาดา
3. ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ย้ำมีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. 58
1. กนง.มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ1.50 ต่อปี เนื่องจากเห็นว่านโยบายการเงินยังควรอยู่ในระดับผ่อนปรนอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง และจะติดตามผลจากมาตรการการทางการคลังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาวะการเงินในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด
- สศค. วิเคราะห์ว่า การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี ต่อเนื่องจากเดือน กค. และ ส.ค. 58 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 58 มีทิศทางการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ สะท้อนได้จากอุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนและการลงทุนของบางสาขาธุรกิจ และการใช้จ่ายของภาครัฐที่ขยายดีขึ้น โดยคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะสามารถช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม ภาวะการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงโดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและภาวะตลาดการเงินโลกที่มีความไม่แน่นอน ดังนั้น นโยบายการเงินจึงควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ ทั้งนี้ สศค. คาดว่า เศรษฐกิจของไทยในปี 58 และ ปี 59 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 และ 3.8 ต่อปี ตามลำดับ (คาดการณ์ ณ ต.ค. 58)
2. พาณิชย์แนะผู้ส่งออกไทยใช้โอกาสบุกแคนาดา
- อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเปิดเผยว่ารัฐบาลใหม่ของแคนาดาภายใต้นโยบายของนายกรัฐมนตรี จัสตินทรูโด้ ยังคงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะกับเอเชียสินค้าและธุรกิจบริการของไทยหลายหมวดยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันอยู่ แต่อาจต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนมุมมองและกลยุทธ์สู่การเจาะตลาดเฉพาะ (Niche Market) ที่มีกำลังซื้อสูงให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
- สศค. วิเคราะห์ว่าแคนาดามีความน่าสนใจเพราะเป็นประเทศที่มีการจัดเก็บภาษีต่ำเป็นอันดับ2 เมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่ม G7 ที่มีภาคสถาบันการเงินที่แข็งแกร่งและได้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (EU) และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการเจรจา ทั้งนี้ ประชากรส่วนหนึ่งในแคนาดาเป็นชาวเอเชียและเอเชียใต้ ทำให้ผู้ส่งออกไทยมีลู่ทางการตลาดในหมวดสินค้า ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ผลไม้สดและแปรรูป อาหารเพื่อสุขภาพอาหารแปรรูปต่างๆ โดยสินค้ากลุ่มนี้หลายรายการเป็นสินค้าที่ไม่มีกำแพงภาษี เนื่องจากแคนาดามีนโยบายเปิดเสรีทางการค้า นอกจากนี้ ค่าเงินแคนาดาปัจจุบันค่อนข้างอ่อนค่า ทำให้ราคาวัตถุดิบจากแคนาดาปรับลดลงด้วยเช่นกัน ผู้ผลิตและส่งออกไทยอาจใช้โอกาสนี้ในการนำเข้าวัตถุดิบจากแคนาดาในราคาที่ถูกลง
3. ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ย้ำมีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. 58
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระบุว่า ณ ปัจจุบันตนเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเป็นไปด้วยดี การใช้จ่ายในประเทศขยายตัวในอัตราที่แข็งแรง คณะกรรมการนโยบายการเงินคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงขยายตัวในอัตราที่เพียงพอที่จะทำให้ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น และช่วยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ร้อยละ 2 ในระยะกลาง ซึ่งหากข้อมูลเศรษฐกิจที่ Fed ได้รับในอนาคตให้การสนับสนุนการคาดการณ์ดังกล่าว ก็มีความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. 58
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น สะท้อนจาก 1) ยอดขาดดุลการค้าในเดือน ก.ย. 58 ที่ขาดดุลลดลงร้อยละ 15 ต่อเดือน ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน 2) ตัวเลข ISM Non-Manufacturing Index ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. 58 เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด อยู่ที่ระดับ 59.1 จากเดิม 56.9 ในเดือน ก.ย. ซึ่งตัวเลขดัชนีที่มากกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรมในภาคบริการของสหรัฐฯ โดย ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่และดัชนีการจ้างงานเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญของการขยายตัวภาคบริการ ซึ่งจากผลการสำรวจพบว่าธุรกิจบริการส่วนใหญ่มีมุมมองที่เป็นบวกต่อสภาวะของธุรกิจและเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวม และ 3) ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯในเดือนต.ค. 58 ที่เพิ่มขึ้น 182,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นระดับที่แข็งแรงเพียงพอสำหรับที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินที่จะมีขึ้นในเดือน ธ.ค. 58 ทั้งนี้ สศค.คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 58 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.7 ต่อปี (คาดการณ์ ณ ต.ค. 58)
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257