Macro Morning Focus ประจำวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558
Summary:
1. ไทยถกปัญหาอินโดนีเซีย หารือเศรษฐกิจการค้าชื่นมื่น
2. กัมพูชารุกลงทุนจ่อชายแดนไทย รับการเปิดจุดผ่านแดนถาวรด่านจังหวัดตราดเพิ่ม
3. อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกปลดคนงานทะลุ 2.5 แสนคน
1. ไทยถกปัญหาอินโดนีเซีย หารือเศรษฐกิจการค้าชื่นมื่น
- รมว. พาณิชย์ เปิดเผยว่า ไทยมีความกังวลต่อการดำเนินการของอินโดนีเซียในเรื่องกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าพืชสวน ซึ่งกำหนดให้ต้องขอรับคำรับรองการนำเข้าและต้องได้รับใบอนุญาตนำเข้าจากกระทรวงการค้าหลังจากที่ได้คำรับรองการนำเข้าจากกระทรวงเกษตรแล้ว ซึ่งไทยเห็นว่ากฎระเบียบเหล่านี้เป็นการจำกัดปริมาณการส่งออกของสินค้าพืชสวนของไทยไปอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียน ลำไยและหอมแดง จึงขอให้อินโดนีเซียทบทวนกฎระเบียบดังกล่าว เพื่อเพิ่มการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน
- สศค. วิเคราะห์ว่า อินโดนิเซียนับเป็นคู่ค้าที่สำคัญอันดับ 7 ของไทย โดยในปี 57 มูลค่าการส่งออกสินค้าไปยังอินโดนีเซียมีมูลค่าถึง 9.51 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีสินค้าส่งออกสำคัญคือ ยานยนต์ เม็ดพลาสติก เครื่องจักรกล และเคมีภัณฑ์ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 58 พบว่าการส่งออกไปอินโดนิเซียหดตัวถึงร้อยละ -19.1 โดยเป็นผลจากการลดลงของมูลค่าการส่งออกสินค้าประเภทยานยนต์ เม็ดพลาสติก และน้ำตาลทราย ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะสินค้าเกษตรส่งออกไปยังอินโดนิเซียพบว่ามีมูลค่าประมาณ 485.1 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 57 หรือคิดเป็นร้อยละ 5.1 ของมูลค่าการส่งออกรวมไปยังอินโดนิเซีย โดยมีสินค้าเกษตรส่งออกหลักคือ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว และผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง โดยหากการเจรจาตามเนื้อข่าวประสบผลสำเร็จก็จะทำให้สินค้าเกษตรของไทยสามารถเข้าไปขายในตลาดอินโดนิเซียได้ง่ายขึ้น นับเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่งจากรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
2. กัมพูชารุกลงทุนจ่อชายแดนไทย รับการเปิดจุดผ่านแดนถาวรด่านจังหวัดตราดเพิ่ม
- นายวิมาน สิงห์พันธ์ นักธุรกิจค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ด่านอำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับนักธุรกิจชาวเกาหลีและกัมพูชา ดำเนินโครงการศูนย์แสดงสินค้าชายแดนที่บ้านคลองรถถัง ตำบลสัมรูด อำเภอสัมรูด จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา เพื่อรองรับการเปิดจุดผ่านแดนถาวร บ้านมะม่วง ตำบลนนทรีย์ อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด กับบ้านคลองรถถัง ตำบลสัมรูด อำเภอสัมรูด จังหวัดพระตะบองในอนาคต โดยมีมูลค่าการลงทุนนับพันล้านบาท
- สศค. วิเคราะห์ว่า จังหวัดตราดเป็นอีกจังหวัดที่จะได้รับการจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เฟสแรก ซึ่งมีอาณาเขตติดกับกัมพูชา โดยในช่วง 9 เดือนของปี 58 มีมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท โดยสินค้าส่งออก 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องดื่ม น้ำตาลทราย ชุดสายไฟฟ้า รถยนต์นั่งใหม่ และน้ำมันหล่อลื่น ซึ่งคาดว่าการเปิดช่องทางการค้าชายแดนของด่านนี้ จะเป็นช่องทางสำคัญของการเพิ่มโอกาสทางการค้าชายแดนมากขึ้น ทั้งด้านการค้าขายสินค้า และการท่องเที่ยว และช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าผ่านจุดผ่อนปรนทางการค้าของทั้ง 2 จังหวัด เพื่อยกระดับสู่จุดผ่านแดนถาวรในอนาคตอันใกล้นี้ นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ ทั้ง 2 ประเทศจะได้ร่วมกันทำการค้า การลงทุน และการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน
3. อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกปลดคนงานทะลุ 2.5 แสนคน
- บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน เกรฟส์แอนด์โค เปิดเผยผลสำรวจยอดการจ้างงานของกลุ่มบริษัทพลังงานทั่วโลกพบว่า มีการลดการจ้างงานไปแล้วกว่า 2.5 แสนคนในปีนี้ และเกรฟส์แอนด์โค ยังมองว่าจำนวนดังกล่าวยังมีโอกาสที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากการลดลงในด้านแรงงานแล้ว อุตสาหกรรมพลังงานยังมีการลดกำลังการผลิตในด้านอื่นๆ ลงอีกเป็นจำนวนมากเช่นกัน เช่น การลดจำนวนแท่นขุดเจาะลงมากกว่า 1 พันแท่นลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี และการลดเม็ดเงินลงทุนลงอีกมากกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
- สศค. วิเคราะห์ว่า ความสามารถในการขยายปริมาณการผลิตน้ำมันดิบมีจำกัดลงอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มที่จะเห็นการเพิ่มขึ้นของอุปทานอย่างรวดเร็วในปีหน้าจึงมีไม่มาก หน่วยงานด้านข้อมูลทางพลังงานของสหรัฐฯ หรือ EIA คาดการณ์อุปทานในปีหน้าขยายตัวน้อยกว่าร้อยละ 1.0 เท่านั้นในทุกภูมิภาคสำคัญทั่วโลก แรงกดดันด้านอุปทานในปีหน้าต่อราคาจึงมีค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงต้องรับแรงกดดันสำคัญอีกสองส่วน ได้แก่ น้ำมันสำรองที่ยังมีอยู่ในปริมาณมาก และอุปสงค์ที่คาดว่าจะอ่อนแอ นอกจากนี้ เหตุการณ์ความไม่สงบล่าสุดที่เกิดขึ้นในกรุงปารีสและมาตรการความรุนแรงโต้กลับของทางรัฐบาลฝรั่งเศสก็ยังไม่ได้มีผลต่อราคาน้ำมันอย่างมีนัยยะสำคัญในระยะที่ผ่านมา ราคาน้ำมันทั้ง 3 ประเภทสำคัญของโลกยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 39 - 41 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ราคาน้ำมันในภาพรวมยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อไป สศค. คาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 53.0 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ปีหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 57.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล (คาดการณ์ ณ ต.ค. 58)
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257