รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 17 ธันวาคม 2558

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 17 ธันวาคม 2558

1. กนง. มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 1.50 ต่อปี

2. กสิกรไทยคาดเศรษฐกิจปีหน้าเติบโตร้อยละ 3 ต่อปี

3. ธนาคารกลางสหรัฐ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 0.5 ต่อปี

• คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงการประชุม (ในวันที่ 16 ธ.ค. 58) ว่า คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 1.50 ต่อปี เนื่องจากประเมินว่าภาวะการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
• สศค. วิเคราะห์ว่า การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ปี 58 มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการบริโภคภาคเอกชน ประกอบกับผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 58 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิด ได้แก่ การส่งออกสินค้าที่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง และในระยะต่อไปยังเผชิญความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเอเชีย ข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง และภาวะตลาดการเงินโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลัก อย่างไรก็ดี ประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูง และมีหนี้ต่างประเทศระยะสั้นอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนให้เห็นว่า เสถียรภาพภายนอกประเทศของไทยยังอยู่ในระดับมั่นคงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ ดังนั้น นโยบายการเงินจึงควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ

• ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 59 มีแนวโน้มของการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์อัตราการขยายตัวของไทยอยู่ในกรอบที่ระดับร้อยละ 2.5-3.5 ต่อปี กรณีพื้นฐานอยู่ที่ระดับร้อยละ 3 ต่อปี โดยมีการลงทุนเป็นแกนหลักขับเคลื่อน ขณะที่การส่งออกกลับมาขยายตัว นอกจากนั้น ยังคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 58 นี้จะเติบโตที่ระดับร้อยละ 2.8 ต่อปี โดยชี้ว่า ในปีนี้แม้มีปัจจัยฉุดจากการส่งออกแต่ด้วยอานิสสงฆ์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และคาดว่าในไตรมาสที่ 4 นี้จะยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง จากที่เห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในภาคเอกชนซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเติบโตในปีหน้า
• สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยในช่วง 3 ไตรมาสแรกขยายตัวได้ร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ และการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวได้ในระดับสูง ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่มีต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 58 ขยายตัวดีขึ้น สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 59 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นจากปี 58 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.8 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.3 - 4.3) โดยได้รับแรงส่งจากการใช้จ่ายการลงทุนภาครัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

• ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 0.5 หลังจากที่เคยมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมานาน 7 ปี โดยตัวเลขอัตราดอกเบี้ยอยู่ใกล้ร้อยละ 0 นับตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 51 ซึ่งก็เป็นสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและยับยั้งอัตราเงินเฟ้อ ทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจจะสามารถหาอัตราดอกเบี้ยได้ในระดับปานกลางของการกู้ยืมเพื่อธุรกิจและอื่นๆ ทั้งนี้ การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อที่ว่าเศรษฐกิจได้กลับมาฟื้นตัวอย่างเข้มแข็งอีกครั้งหลังผ่านยุคเศรษฐกิจถดถอยนาน 6 ปี และอาจจะดีขึ้นในปี 59
• สศค. วิเคราะห์ว่า การตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ดังกล่าวเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด เนื่องจาก Fed ให้สัญญาณการปรับขึ้นมาตั้งแต่การประชุมครั้งก่อน (เมื่อ 27-28 ต.ค. 58 ที่ผ่านมา) ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed อาจจะทำให้เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าได้และตลาดการเงินไทยผันผวน เนื่องจากคาดว่าจะทำให้มีเงินทุนไหลออกจากตลาดการเงินไทยและภูมิภาคกลับเข้าสู่สหรัฐฯ เพื่อรอรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ขณะที่ตลาดสหรัฯ ถือเป็นตลาดที่ปลอดภัยสูง (Safe Haven) อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพทางเศรษฯกิจต่างประเทศของไทยแข็งแกร่งสามารถรองรับความผันผวนของตลาดโลกได้ โดยเงินสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง ณ 4 ธ.ค. 58 อยู่ที่ 156.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฯ หรือคิดเป็นประมาณ 2.8 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้นซึ่งสูงกว่า 1 เท่าตามที่ IMF กำหนด ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 58 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.7 ต่อปี (คาดการณ์ ณ ต.ค. 58)

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257