Macro Morning Focus ประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2558
Summary:
1. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยคาดว่ามูลค่าส่งออกไทยจะฟื้นตัวในปี 59
2. ธปท. ชี้ธนาคารปล่อยกู้บริษัทที่ชนะประมูล 4G ความเสี่ยงน้อย ไม่กระทบสภาพคล่องในระบบ
3. คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัติงบประมาณปี 59 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 96.7 ล้านล้านเยน
1. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยคาดว่ามูลค่าส่งออกไทยจะฟื้นตัวในปี 59
- นายมนัส แจ่มเวหา ประธานกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) คาดว่ามูลค่าส่งออกของไทยในปี 59 จะฟื้นตัว โดยมีสาเหตุสำคัญ 2 ประการ คือ 1) เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่องในปีหน้า และ 2) ฐานที่ต่ำในปี 58 นอกจากนี้ การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ณ สิ้นปี 58 ซึ่งทำให้อุปสรรคด้านการค้าลดลง อาทิ การลดภาษีนำเข้าสินค้า จะเป็นปัจจัยบวกต่อภาคการส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศกลุ่ม CLMV ที่เศรษฐกิจมีศักยภาพในการเติบโตสูงและมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากค่าเงินที่ผันผวน
- สศค. วิเคราะห์ว่า มูลค่าส่งออกของไทยที่คาดว่าจะฟื้นตัวในปี 59 นั้น เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับประมาณการเศรษฐกิจไทยของ สศค. ซึ่งคาดว่าภาคการส่งออกของไทยจะได้รับอานิสงส์จากอุปสงค์ในตลาดโลกโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น โดย 1) เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 59 จากภาคการจ้างงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในปี 58 ทำให้กำลังซื้อภายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ดี 2) เศรษฐกิจญี่ปุ่นและเศรษฐกิจยูโรโซนคาดว่าจะฟื้นตัวภายหลังธนาคารกลางดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่อง 3) เศรษฐกิจของประเทศที่พึ่งพาอุปสงค์ในประเทศเป็นหลัก อาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยด้วยสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 4.2 2.6 และ 2.5 ของมูลค่าส่งออกรวมปี 57 ตามลำดับ ยังคงขยายตัวได้ดี จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการส่งออกของไทย อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกไปยังจีน อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยชะลอตัวตามไปด้วย จะเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อภาคการส่งออกของไทย
2. ธปท. ชี้ธนาคารปล่อยกู้บริษัทที่ชนะประมูล 4G ความเสี่ยงน้อย ไม่กระทบสภาพคล่องในระบบ
- ผู้ว่า ธปท. เปิดเผยว่าการให้กู้แก่บริษัทผู้ประกอบการในธุรกิจโทรคมนาคมระบบ 4G น่าจะมี ความเสี่ยงน้อย เนื่องจากบริษัทที่ประมูลได้มีเวลานานพอสมควรในการชำระเงินค่าประมูล โดยในปีแรกมีกำหนดจ่ายเงินให้ กสทช. เพียงไม่กี่พันล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทแจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด หนึ่งในผู้ชนะประมูลใบอนุญาต 4G บนคลื่น 900 MHz เผยว่าบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินในการลงทุนทั้งโครงการจากธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในประเทศ เช่น ธนาคารกรุงเทพ และได้รับการสนับสนุนด้านเครดิตทางการค้าในการจัดซื้ออุปกรณ์โครงข่ายจากบริษัทหัวเหว่ย ประเทศจีน พร้อมทั้งอยู่ระหว่างเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วยเช่นกัน
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปล่อยกู้ให้บริษัทที่ชนะประมูล 4G จะส่งผลให้สินเชื่อธุรกิจในธนาคารพาณิชย์ขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้น โดยสินเชื่อธุรกิจในธนาคารพาณิชย์ ณ เดือน ต.ค. 58 มีอัตราการขยายตัวเพียงร้อยละ 3.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ด้วยขนาดวงเงินกู้ที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับยอดสินเชื่อคงค้างทั้งหมดในระบบธนาคารพาณิชย์ที่มีถึง 15.2 ล้านล้านบาท จึงน่าจะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวของสินเชื่อไม่มากนัก ทั้งนี้ คาดว่าระบบธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่องเพียงพอ โดย ณ เดือน ต.ค. 58 ระบบธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่องส่วนเกินถึง 2.25 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 3.0 เท่าของอัตราที่กฎหมายกำหนด (ร้อยละ 6 ของเงินรับฝาก) อีกทั้งธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนเพียงพอในการรับความเสี่ยงที่อาจเพิ่มมากขึ้น โดย ณ เดือน ต.ค. 58 มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู๋ที่ร้อยละ 17.7 ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดถึง 2.1 เท่า (ร้อยละ 8.5)
3. คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัติงบประมาณปี 59 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 96.7 ล้านล้านเยน
- คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีมติอนุมัติงบประมาณประจำปี งปม 59 (เม.ย. 59 - มี.ค. 60) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 96.7 ล้านล้านเยน หรือ 7.99 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในขั้นตอนต่อไป รัฐบาลจะต้องเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลกำหนดไว้เป็นวันที่ 4 ม.ค. 59 เพื่อประกาศใช้ภายในสิ้นเดือน มี.ค. 59 โดยปีงบประมาณของญี่ปุ่นตามปกติจะเริ่มต้นในเดือน เม.ย. ของทุกปี ทั้งนี้ จากแผนงบประมาณนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัวร้อยละ 1.7 ในปี 59
- สศค. วิเคราะห์ว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปี งปม 59 ของญี่ปุ่น ขยายตัวร้อยละ 0.4 จากปี งปม 58 โดยประมาณการรายได้จัดเก็บภาครัฐปี งปม 59 คิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของรายจ่ายงบประมาณ แสดงให้เห็นถึงสถานะการคลังของญี่ปุ่นที่มีพัฒนาการดีขึ้น โดยหากเปรียบเทียบกับปี 52 รายได้จัดเก็บภาครัฐในปี 52 มีสัดส่วนน้อยกว่าครึ่งของรายจ่ายงบประมาณ ส่วนหนึ่งจากการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่ปี งปม 58 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม หนี้สาธารณะของญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับที่สูงใกล้ร้อยละ 200 ของ GDP นับเป็นความท้าทายที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องพยายามตัดลดรายจ่ายเพื่อให้ดุลการคลังเข้าสู่สถานะสมดุลต่อไป นอกจากนี้ หากพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า งบประมาณที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากงบเพื่อการทหารของญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 จากปีก่อน มาอยู่ที่ 5 ล้านล้านเยน ส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นในทะเลจีนตะวันออก และงบประมาณเพื่อสวัสดิการสังคมซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 จากปีก่อน มาอยู่ที่ 32 ล้านล้านเยน เพื่อรองรับปัญหาสังคมผู้สูงอายุที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257