- บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ไม่เกิน500 ล้านบาท และจดแจ้งการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ (บัญชีเล่มเดียว)ต่อกรมสรรพากร จะได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบภาษีอากรย้อนหลัง ทั้งนี้ กรมสรรพากรจะเปิดให้มีการจดแจ้งการใช้บัญชีเล่มเดียวผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคมพ.ศ.2559 ถึง 15 มีนาคม พ.ศ. 2559
- กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดอยู่ระหว่างถูกการตรวจสอบภาษีอากร เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีปลอม หลีกเลี่ยงภาษีอากร หรืออยู่ในระหว่างการดำเนินคดีก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 บริษัทฯ ยังคงสามารถจดแจ้งการใช้บัญชีเล่มเดียวต่อกรมสรรพากรได้ โดยกรมสรรพากรจะดำเนินการเฉพาะกรณีนั้นๆ ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
- สำหรับกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งมีทุนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาทในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2558 และได้มีการจดแจ้งต่อกรมสรรพากรในการใช้บัญชีเล่มเดียว จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล 2รอบระยะเวลาบัญชีดังนี้
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิ ในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2559
- ยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2560ดังนี้
(1)สำหรับกำไรสุทธิส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาทยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และ
(2)ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล เหลือร้อยละ 10ของกำไรสุทธิสำหรับกำไรสุทธิส่วนที่เกิน 300,000 บาท
- กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจะถูกเพิกถอนจากการยกเว้นการตรวจสอบภาษีอากรย้อนหลัง และให้ถือว่าบริษัทฯ นั้นไม่เคยได้รับสิทธิใดๆ ตามพระราชกำหนดฉบับนี้
- ให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการเพื่อให้สถาบันการเงินที่อยู่ในกำกับดูแลใช้บัญชีและงบการเงินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นรายการภาษีเงินได้ เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมทางการเงินและขออนุมัติสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
ผลของการดำเนินการตามมาตรการบัญชีเล่มเดียว และการยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับ SMEsคาดว่าจะทำให้
- บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้จัดทำบัญชีและงบการเงินสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และวางแผนการดำเนินธุรกิจสร้างความน่าเชื่อถือในการประกอบกิจการ เป็นการสร้างฐานภาษีที่ยั่งยืน สะท้อนสภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ และการทำธุรกรรมทางการเงินโดยรวม
- การยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ผู้ประกอบการ SMEsที่ทำบัญชีเล่มเดียวจะช่วยส่งเสริมศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ SMEsโดยใช้เป็นเครื่องมือเพื่อวิเคราะห์และวางแผนการดำเนินธุรกิจและสร้างความน่าเชื่อถือในการขยายกิจการ
____________________________________
- RD Call Center 1161
- สำนักวิชาการแผนภาษี กรมสรรพากร โทร. 0 2272 9821, 0 2272 9214
ถาม-ตอบ
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร
1. Q: เหตุผลและความจำเป็นในการตราพระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร
A :เพื่อสะท้อนสภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศโดยรัฐบาลสามารถวิเคราะห์และวางแผนในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการได้ตรงต่อความต้องการ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการเผลิตและการค้า รวมถึงเป็นการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
นอกจากนี้ การดำเนินการตามพระราชกำหนดในการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ยังสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการนำระบบ e-payment มาใช้ ซึ่งมีส่วนในการส่งเสริมให้การทำธุรกรรมและการบริหารเงินของผู้ประกอบการเป็นไปอย่างรวดเร็ว คล่องตัว และเกิดประสิทธิภาพ อันจะส่งผลสำเร็จต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
2. Q : ทำไมต้องเป็นพระราชกำหนด เพื่อยกเว้นการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร
A :เนื่องจากการตราพระราชกำหนดฯ ดังกล่าวเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยภาษีอากร ที่ต้องพิจารณาโดยด่วน และลับ ซึ่งหากมิได้ดำเนินการเป็นการเร่งด่วนแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
3. Q: พระราชกำหนดนี้เป็นการนิรโทษกรรมทางภาษีหรือไม่
A :พระราชกำหนดนี้ไม่ใช่ การนิรโทษกรรมทางภาษี แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการยกเว้นการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่มาจดแจ้งต่อกรมสรรพากรในการจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการเพียงเล่มเดียว ส่วนบริษัทฯ ที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบภาษีอากร เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีปลอม หลีกเลี่ยงภาษีอากร หรืออยู่ในระหว่างการถูกดำเนินคดี ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 กรมสรรพากรจะดำเนินการเฉพาะกรณีนั้นๆ ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
4. Q: บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดได้รับประโยชน์จากพระราชกำหนด
A :บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิ และมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทในรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาซึ่งมีระยะเวลาครบ 12 เดือน และมีวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดก่อนหรือในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558
5. Q:ประโยชน์ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะได้จากพระราชกำหนด คืออะไร
A:จะได้รับยกเว้นจากการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคมพ.ศ. 2559 หรือมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคมพ.ศ. 2559
6. Q :ถ้าต้องการได้รับการยกเว้นตามพระราชกำหนด ต้องทำอย่างไร
A :ต้องมาจดแจ้งต่อกรมสรรพากร โดยยื่นคำขอจดแจ้งผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรที่ http://www.rd.go.th ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2559 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2559
7. Q :บริษัทฯ จะทราบได้อย่างไรว่าได้จดแจ้งเรียบร้อย หรือไม่
A :บริษัทฯ ที่ได้จดแจ้งต่อกรมสรรพากรภายในกำหนดเวลา จะได้รับข้อความแจ้งผ่านทางอีเมล์ที่บริษัทฯ ได้ให้ไว้กับกรมสรรพากรว่าได้รับการจดแจ้งเรียบร้อยแล้ว
8. Q :ภายหลังการจดแจ้งบริษัทฯ ต้องกระทำตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขอะไรบ้างเพื่อให้ได้การยกเว้น
A :บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล จะต้องจัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นไปและจะต้องไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอากร รวมทั้งต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้ครบถ้วน ตามประเภทภาษีที่บริษัทฯ มีหน้าที่ในการยื่นแบบและชำระภาษี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2559 เป็นต้นไป
9. Q:กรณีที่บริษัทฯ ได้จดแจ้งแล้ว กรมสรรพากรจะยกเลิกการตรวจสอบในอดีตทั้งหมดใช่หรือไม่
A: กรณีที่บริษัทฯ ได้จดแจ้งแล้ว และอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบภาษีอากร เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีปลอม หลีกเลี่ยงภาษีอากร หรืออยู่ในระหว่างการถูกดำเนินคดี ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 กรมสรรพากรจะดำเนินการเฉพาะกรณีนั้นๆ ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ 10. Q:ถ้าบริษัทฯ อยู่ระหว่างขอคืนภาษีอากรบริษัทฯ จะยังคงได้เงินภาษีที่ขอคืนไว้หรือไม่ อย่างไร
A :ถ้าบริษัทฯ อยู่ระหว่างขอคืนภาษีอากร เจ้าพนักงานประเมินจะยังคงสามารถดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของจำนวนภาษีที่ขอคืนนั้นได้ 11. Q:หากบริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดจะถูกดำเนินการอย่างไร
A:กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจะถูกเพิกถอนจากการยกเว้นการตรวจสอบภาษีอากรย้อนหลัง และให้ถือว่าบริษัทฯ นั้นไม่เคยได้รับสิทธิใดๆ ตามพระราชกำหนดฉบับนี้ 12. Q :บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)ได้รับการยกเว้นตามพระราชกำหนดนี้ได้หรือไม่
A : SMEs ที่ได้จดแจ้งต่อกรมสรรพากรตามพระราชกำหนดนี้ได้รับยกเว้นจากการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร 13. Q :บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับการยกเว้นตามพระราชกำหนดต้องมีทุนจดทะเบียนเท่าไหร่
A :ไม่มีการจำกัดทุนจดทะเบียนสำหรับบริษัทฯ ที่จดแจ้งตามพระราชกำหนดนี้ แต่บริษัทฯ ต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทในรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาซึ่งมีระยะเวลาครบ 12 เดือน และมีวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดก่อนหรือในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 14. Q : หากบริษัท ฯ ได้จดแจ้ง และมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ตรงตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดในพระราชกำหนดฯ นี้ แต่ปรากฏว่าในปีต่อมาบริษัทฯ มีรายได้เกินกว่า 500 ล้านบาท บริษัทฯ จะยังคงได้รับการยกเว้นการตรวจสอบตามพระราชกำหนดฯ หรือไม่
A :บริษัทฯ จะยังคงได้รับการยกเว้นการตรวจสอบตามพระราชกำหนดฯ นี้ 15. Q : ทำไมถึงต้องให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินใช้บัญชีและงบการเงินที่ใช้ในการยื่นรายการภาษีเงินได้เป็นหลักฐานในการขอสินเชื่อ
A :เนื่องจากการจัดทำบัญชีและงบการเงินที่สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมการเงินให้กับกิจการเหล่านั้น ทำให้รัฐสามารถให้ความช่วยเหลือกับผู้ประกอบการ ได้ตรงจุดและตรงต่อความต้องการของผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการอีกด้วย
16. Q :สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฯ สำหรับนิติบุคคลประเภทใด
A :ต้องเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งจัดตั้งขึ้นก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 และมีทุนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท (บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อม (SME))
17. Q :บริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการได้สิทธิประโยชน์อย่างไรหรือไม่
A :บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อมที่จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจะต้องยื่นคำขอจดแจ้งผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรที่ http://www.rd.go.th ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2559 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2559 ว่าเป็นผู้ประกอบการตามพระราชกำหนดการยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร และต้องไม่ถูกเพิกถอนการได้รับการยกเว้นตามพระราชกำหนด ฯ
18. Q :สิทธิประโยชน์ในการยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นอย่างไร
A :เป็นการยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับ SME ในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2559และปี 2560 ดังนี้
กำไรสุทธิ อัตราภาษี รอบระยะเวลาบัญชีปี 2559 รอบระยะเวลาบัญชีปี 2560 0 – 3 แสนบาท ยกเว้น ยกเว้น 3 แสนบาทขึ้นไป 10%
19. Q : กรณีหากเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อมอยู่แล้ว แต่ไม่ได้จดแจ้งเพื่อขอรับการยกเว้นตามพระราชกำหนดฯ ภายในกำหนดเวลา จะขอใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในการยกเว้นและลดอัตราภาษีเพียงอย่างเดียว ได้หรือไม่
A :หากบริษัทฯ ไม่มีการจดแจ้งตามพระราชกำหนดฯ จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการยกเว้นและลดอัตราภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฯ
20. Q : ถ้าบริษัทฯ ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ใด
A: หากต้องการทราบข้อมูลตามพระราชกำหนดฯ และพระราชกฤษฎีกาฯ เพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ RD Call Center โทร 1161 หรือที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ
********************************
--กระทรวงการคลัง--