รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 13 มกราคม 2559

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 13 มกราคม 2559

1. นายกฯ เผยครม.ไฟเขียวรัฐรับซื้อยางดิบ-ยางแผ่นราว 1 แสนตันในราคานำตลาด

2. ม.หอการค้าไทย คาดส่งออกปี 59 ขยายตัวร้อยละ 2.0 ห่วงปัจจัยลบจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว

3. NDRC คาดเศรษฐกิจจีนในปี 2558 จะขยายตัวประมาณร้อยละ 7.0

• พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้รับซื้อยางดิบและยางแผ่นจากเกษตรกรปริมาณรวมราว 1 แสนตัน ซึ่งจะเป็นการรับซื้อในราคานำตลาด โดยรัฐบาลจะนำผลผลิตยางเหล่านี้เข้าสู่โรงงานแปรรูปยางทันที ทั้งนี้ เพื่อส่งมอบให้กับหน่วยงานที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ยางพาราแต่ละประเภทมารับไป สำหรับราคาที่รับซื้อจะเป็นเท่าไรนั้น คงต้องพิจารณาจากงบประมาณ และดูว่ากำลังการผลิตจะเป็นเท่าใด ซึ่งจะเป็นการดำเนินการก่อนช่วงปิดกรีดยางในอีก 3 เดือนข้างหน้า
• สศค. วิเคราะห์ว่า 1) การรับซื้อยางดิบและยางแผ่นจากเกษตรกรเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคายางในตลาดโลกที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง 2) ราคายางมีทิศทางการเคลื่อนไหวเดียวกับราคาน้ำมัน เนื่องจากในโรงงานอุตสาหกรรมจะใช้ยางสังเคราะห์จากยางพาราหรือจากพอลิเมอร์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ ถ้าเมื่อใดราคาน้ำมันปรับตัวลดลงซึ่งพอลิเมอร์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันเองก็จะมีราคาลดลงด้วย ดังนั้นโรงงานจึงหันมาซื้อพอลิเมอร์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันมาใช้ในการผลิตแทนยาง ทำให้ความต้องการยางพาราลดลง ราคายางพาราจึงปรับตัวลดลงเช่นกัน และ 3) อุปสงค์ยางพารามีแนวโน้มลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอ โดยประเทศคู่ค้าสำคัญ 5 อันดับแรกในช่วง 11 เดือนแรกของปี 58 ที่ไทยส่งออกยางพาราไป ได้แก่ จีน (2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) มาเลเซีย (590 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ญี่ปุ่น (356.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เกาหลีใต้ (253.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และสหรัฐ (235.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตามลำดับ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะยังมีแนวโน้มลดลง ตาม อุปสงค์การบริโภคน้ำมันที่ลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ขณะที่ อุปทานน้ำมันยังล้นตลาด ทั้งนี้ สศค. คาดว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2559 จะมีค่าเฉลี่ยที่ 57.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (ช่วงคาดการณ์ที่ 47.8-67.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล) คาดการณ์ ณ ต.ค. 58 จับตา: ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 59

• นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการ ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์การขยายตัวของมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี 59 จะเติบโตจากปี 58 ในกรอบ ร้อยละ0.1-4.1 ด้วยมูลค่า 214,000-222,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีแนวโน้มค่อนข้างมากที่จะขยายตัวร้อยละ 2.0 มูลค่า 218,000 ล้านเหรียญฯ ซึ่งจะกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยจากสมมติฐานจากเศรษฐกิจจีนที่หดตัวลงทุกร้อยละ 1.0 มีผลทำให้การส่งออกสินค้าไทยไปตลาดจีนลดลงร้อยละ 3.97 หากจีดีพีของจีนปีนี้ขยายตัวร้อยละ 6.3 ตามที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ประเมินไว้จะทำให้การส่งออกของไทยไปจีนมีมูลค่าเพียง 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.1 และจะทำให้การส่งออกของไทยในภาพรวมปีนี้ขยายตัวเหลือร้อยละ 2.0 มูลค่า 218,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
• สศค. วิเคราะห์ว่า 1) จีนเป็นประเทศคู่ค่าอันดับ 1 ของไทย โดยมีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกจากไทยไปจีนร้อยละ 11.0 ของมูลค่าการส่งออกของไทยไปทั้วโลก สำหรับมูลค่าการส่งออกของไทยไปจีนในช่วง 11 เดือนแรกมีมูลค่า 21.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหดตัวร้อยละ -5.0 2) สินค้าที่ส่งออกไปจีนที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา เม็ดพลาสติก และมันสำปะหลัง เป็นต้น และ 3) ความผันผวนในตลาดหุ้นจีนและค่าเงินหยวนแป็นไปตามการคาดการณ์ถึงภาวะเศรษฐกิจของจีนที่อาจเติบโตชะลอลงในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี ธนาคาการกลางจีนได้เริ่มนโยบายการเงินที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และจีนยังสามารถใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมได้อีก ซึ่งจะข่วยให้จีนปรับเข้าสู่สภาวะปกติในระยะต่อไป ทั้งนี้ สศค. คาดว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้ที่ร้อยละ 6.8 ในปี 59 และ มูลค่าการส่งออกรวมในรูปดอลลาร์สหรัฐในปี 2559 จะขยายตัวได้ที่ร้อยละ 3.2 (คาดการณ์ ณ ต.ค. 58) จับตา: การเติบโตของเศรษฐกิจจีนปี 59 และ ทิศทางค่าเงินบาทในช่วงไตรมาสแรกปี 59

• โฆษกคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 58 จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 7 ซึ่งสอดคล้องเป้าหมายของรัฐบาล เนื่องจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการสินทรัพย์ถาวรทั้งหมด 280 โครงการ ในปี 58 คิดเป็นมูลค่า 2.52 ล้านล้านหยวน
• สศค. วิเคราะห์ว่า 1) เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอลงจากปีก่อนชัดเจน สะท้อนจากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน ในช่วง 9 เดือนแรกปี 58 ขยายตัวร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากปี 57 ที่ขยายตัวร้อยละ 7.3 2) สอดคล้องกับเครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุดจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม Caixin ในเดือน ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 48.2 จุด ต่ำกว่าระดับ 50.0 จุด ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และมูลค่าการส่งออก ในดือน พ.ย. 58 หดตัวร้อยละ -6.8 จากช่วงเดียวกันปีก่อน บ่งชี้ถึงภาคการผลิตของจีนชะลอตัวชัดเจน และ 3) สศค. คาดว่า GDP ของจีนในปี 58 และ ปี 59 อยู่ที่ร้อยละ 6.9 และร้อยละ 6.8 ตามลำดับ (ประมาณการ ณ เดือน ตุลาคม 58) จับตา: ความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์และมาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน รวมถึงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 58 และปี 59

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257