Macro Morning Focus ประจำวันที่ 21 มกราคม 2559
1. สมคิดสั่งลุยส่งออกปีนี้โตร้อยละ 5 ต่อปี ยันไม่ลดเป้า
2. BOI เผย FDI ปี 58 มีมูลค่า 4.93 แสนล้านบาท คาดเริ่มเดินหน้าลงทุนใน 1-2 ปี
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. ลดลงร้อยละ 0.1 ต่อเดือน
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการมอบนโยบายแก่ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) โดยยืนยันที่จะกำหนดเป้าหมายการส่งออกของไทยในปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 5 ต่อปี แม้จะยอมรับว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้อาจจะยังเติบโตได้ไม่ดีนัก ทำให้คู่ค้ากำลังซื้ออ่อนลง โดยล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงเหลือร้อยละ 3.4
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยสะท้อนได้จากการส่งออกในช่วง 11 เดือนของปี 58 หดตัวที่ร้อยละ -5.5 และนับเป็นการหดตัวต่อเนื่องติดต่อกัน 11 เดือนอย่างไรก็ดี ยังมีการส่งออกสินค้าในหมวดยานยนต์ อัญมณีและเครื่องประดับ ที่ขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 10.1 และ 11.6 ต่อปี ตามลำดับ ในขณะที่การส่งออกไปยังกลุ่มอินโดจีนยังคงขยายตัวได้ดี ทั้งนี้ เพื่อให้การส่งออกขยายตัวได้ตามเป้าหมายควรเจาะตลาดกลุ่มอินโดจีนและขยายตลาดการส่งออกใหม่ ประกอบกับแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินบาทจะมีส่วนช่วยให้มูลค่าการส่งออกสามารถขยายตัวได้ โดยคาดว่า มูลค่าการส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.2 ในปี 59 (คาดการณ์ ณ ต.ค. 58)
- เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า สถิติการอนุมัติให้การส่งเสริมโครงการลงทุนจากต่างประเทศในปี 58 มีจำนวนโครงการได้รับการอนุมัติจำนวน 1,151 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 493,690 ล้านบาท เป็นโครงการขยายการลงทุนของบริษัทที่ลงทุนในไทยแล้วจำนวน 592 โครงการ มูลค่า 328,433 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนที่มีฐานการผลิตในไทยมีความมั่นใจในการขยายการผลิตในไทยต่อไป
- สศค. วิเคราะห์ว่า การอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในปี 58 ที่เพิ่มขึ้นมีปัจจัยบวกจากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ โดยพบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมได้แก่ กลุ่มเศรษฐกิจดิจิทัล กลุ่มศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน กลุ่มอุตสาหกรรมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และกลุ่มอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าเกษตร เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการกระทรวงการคลังสู่ปีทองแห่งการลงทุนในปี 59 เพื่อสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การหักค่าเสื่อมราคาได้ 2 เท่าสำหรับการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในทรัพย์สินใหม่ สิทธิประโยชน์สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 10-15 ปี ซึ่งจากมาตรการดังกล่าว คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศให้ขยายตัวได้ดีและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
- ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในเดือนธ.ค. 58 ลดลงร้อยละ 0.1 ต่อเดือน แบ่งเป็นดัชนีราคาพลังงานที่ลดลงร้อยละ 2.4 ต่อเดือน ดัชนีราคาอาหารลดลงร้อยละ 0.2 ต่อเดือน ส่วนดัชนีราคาที่ไม่รวมสินค้าประเภทอาหารและพลังงาน (Core-CPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ต่อเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเดือนในเดือนพ.ย. 58 อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบดัชนี CPI รายปี พบว่า ดัชนี CPI ในเดือนธ.ค. 58 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ต่อปี ขณะที่ Core-CPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 ต่อปี เป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 55
- สศค. วิเคราะห์ว่า การลดลงของอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนธ.ค. 58 นี้ ส่วนหนึ่งได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดลง และอาจเป็นสัญญาณของการลดความคาดหวังของตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 59 ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 59 ราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายในตลาด Nymex สหรัฐฯ ลดลงมาอยู่ที่ 26.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 46 โดยแรงเทขายดังกล่าวสะท้อนถึงความวิตกกังวลของตลาดเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของตลาดเงินและภาวะน้ำมันล้นตลาด ซึ่งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวในตลาดเงินสหรัฐฯ ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ ณ เดือนต.ค. 58 ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในปี 59 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.5 ต่อปี โดยจะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในวันที่ 28 ม.ค. 59
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257