รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 16, 2016 11:49 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559

Summary:

1. GDP ไทย ในปี 58 ขยายตัวร้อยละ 2.8

2. เริ่มแล้วสร้างรถไฟทางคู่ถนนจิระ-ขอนแก่น

3. ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติจีนปฏิเสธข่าวเตรียมควบคุมเงินทุน ชี้จีนมีเงินทุนเพียงพอ

1. GDP ไทย ในปี 58 ขยายตัวร้อยละ 2.8
  • สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 4 ปี 58 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 และทั้งปี 58 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 เช่นกัน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 58 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าหลังปรับผลทางฤดูกาลแล้ว โดยในด้านการผลิต การผลิตนอกภาคเกษตรขยายตัวในเกณฑ์ดีที่ร้อยละ 4.2 แต่การผลิตภาคเกษตรหดตัวร้อยละ -3.4 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ขณะที่ ในด้านการใช้จ่าย อุปสงค์ภายในประเทศขยายตัวเร่งขึ้น ตามการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน การบริโภคภาครัฐบาล และการลงทุนรวมที่ร้อยละ 2.5 4.8 และร้อยละ 9.4 ตามลำดับ ในขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการลดลงร้อยละ -3.5 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนการนำเข้าสินค้าและบริการลดลงร้อยละ -1.4 ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 58 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 ซึ่งเป็นไปตามการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 58 ของ สศค. โดยการขยายตัวในปี 58 นั้น เป็นการขยายตัวของการผลิตนอกภาคเกษตรเป็นหลัก โดยเฉพาะการผลิตในสาขาการก่อสร้าง สาขาที่พักแรมและบริการทางด้านอาหาร และสาขาการขนส่งและคมนาคม ที่ขยายตัวร้อยละ 15.8 14.0 และ 7.4 ตามลำดับ ขณะที่การผลิตภาคเกษตรหดตัวร้อยละ -4.2 สำหรับด้านการใช้จ่าย มีปัจจัยลบจากภาคการส่งออก และการนำเข้าสินค้า ขณะที่การส่งออกบริการขยายตัวได้ดีในระดับสูง
2. เริ่มแล้วสร้างรถไฟทางคู่ถนนจิระ-ขอนแก่น
  • รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานในพิธีเริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่และพิธีบวงสรวงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทางประมาณ 187 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นทางแรกของการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ โดยมี บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด เป็นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการ โดยการก่อสร้างดังกล่าว ถือเป็นเส้นทางแรกที่จะเชื่อมโยงเส้นทางด้านบนและด้านล่างของประเทศเข้าหากัน ทำให้การเดินทางรวดเร็วยิ่งขึ้น ตามแผนใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การก่อสร้างรถไฟทางคู่ นับเป็นหนึ่งในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่มีกรอบวงเงินสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท มีระยะเวลา 7 ปี โดยหากการเบิกจ่ายทำได้มีประสิทธิภาพก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้น การเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการต่างๆ จะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจจำนวนมาก มีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น และทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ สามารถสร้างบรรยากาศที่ดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้ ซึ่งทางสศค. คาดว่าการลงทุนภาครัฐในปี 59 จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับปี 58 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากพิจารณาในระยะยาว จะพบว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยได้ในเวทีโลก โดยเฉพาะระบบรางที่จะทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าถูกลง และยังเป็นการเชื่อมเส้นทางการค้าขายสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างมากในอนาคต
3. ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติจีนปฏิเสธข่าวเตรียมควบคุมเงินทุน ชี้จีนมีเงินทุนเพียงพอ
  • นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวให้สัมภาษณ์กับนิตยสารไฉซินว่า ไม่มีเหตุผลใดๆที่สกุลเงินหยวนจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับปฏิเสธกระแสคาดการณ์ที่ว่า จีนวางแผนที่จะควบคุมเงินทุนให้มีความเข้มงวดมากขึ้น โดยเขากล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนที่ปรับตัวลดลงในระยะสั้น เนื่องจากจีนมีเงินทุนมากเพียงพอต่อการชำระหนี้และปกป้องเสถียรภาพของเศรษฐกิจภายในประเทศ การแสดงความคิดเห็นของนายโจวมีขึ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นจีนได้เริ่มเปิดทำการซื้อขาย หลังจากที่ตลาดปิดทำการตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ เงินหยวนที่อ่อนค่าลงและตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก และยังได้ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักเช่นกัน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ดุลการชำระเงินของจีนมีความแข็งแกร่ง และอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในตะกร้าเงินยังคงมีเสถียรภาพ ส่วนหนึ่งเห็นได้จากการเกินดุลการค้าของจีนในเดือนมกราคมที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นแตะ 4.062 แสนล้านหยวน (6.238 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เทียบกับระดับ 3.82 แสนล้านหยวนในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้ปรับอัตราอ้างอิงเงินหยวนขึ้นเกือบ ร้อยละ 1 สู่ระดับ 6.5118 หยวนต่อดอลลาร์ ส่งผลให้อัตราอ้างอิงเงินหยวนรายวันแข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค. อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินขยายตัวอย่างต่อเนื่องของจีนเพื่อแก้ปัญหาหนี้ภายในประเทศและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการอ่อนตัวของค่าเงินในระยะต่อไป

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ