รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 7 มีนาคม 2559

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 7 มีนาคม 2559

1. แท็กซี่จ่อขึ้นราคาอีกร้อยละ 7

2. ภาคผลิตอุตสาหกรรมออร์เดอร์ซบเซา ไม่มีคำสั่งซื้อใหม่

3. จีนปรับลดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้เหลือร้อยละ 6.5 - 7.0

• รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาปรับขึ้นอัตรา ค่าโดยสารรถแท็กซี่ และค่าเซอร์ชาร์จรถแท็กซี่สนามบินว่า จากการหารือเบื้องต้นมีแนวโน้มที่จะอนุมัติปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ใหม่ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นมากกว่าร้อยละ 5 (ประมาณร้อยละ 5-7)พร้อมทั้งจะพิจารณาปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์จซึ่งจะแบ่งเป็นรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก โดยหลังจากนี้จะนำเสนอผลการศึกษาอัตราค่าโดยสารใหม่ไปยัง รมว.คมนาคม หากเห็นชอบก็จะประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษา และมีผลกำหนดใช้ในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้
• สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับอัตราค่าโดยสารแทกซี่นั้น เป็นเรื่องที่มีการวางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อปลายปี 57 โดยมีแผนให้มีการปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 แต่จะแบ่งเป็นสองช่วง ซึ่งในช่วงแรกได้มีการปรับไปแล้วตั้งแต่เดือนธ.ค. 57 ที่ผ่านมา โดยปรับเพิ่มราคาค่าโดยสารร้อยละ 8 ส่วนช่วงที่สองที่จะมีการปรับเพิ่มร้อยละ 5 นั้น เดิมได้ตกลงว่าจะมีการพิจารณาในช่วงกลางปี 58 อย่างไรก็ดี การพิจารณาดังกล่าวได้มีการผลัดผ่อนมาจนถึงปัจจุบัน โดยสาเหตุหนึ่งที่ยังไม่มีการปรับราคาในระยะที่สองเนื่องจากมีข้อร้องเรียนจำนวนมากต่อคุณภาพการบริการของแท็กซี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่นไขสำคัญในการพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสาร ทั้งนี้ หากดูข้อมูลในอดีตจะพบว่าการปรับเพิ่มราคาแท็กซี่ในช่วงเดือน ธ.ค. 57 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อหมวดค่าโดยสาร (สัดส่วนในปีฐานร้อยละ 2.15) เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 0.43 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ดังนั้น คาดว่าการปรับเพิ่มค่าเซอร์ชาร์จและค่าโดยสารในครั้งนี้ ซึ่งมีอัตราร้อยละ 5-7 จะส่งผลกระทบในระดับที่ใกล้เคียงกับการปรับครั้งก่อนหน้า

• นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่าจากการสำรวจดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ( Manufacturing Production Index : MPI ) เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาพบว่า ภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในช่วงชะลอตัว เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตยังไม่กระเตื้องเพิ่มขึ้นมากนัก โดยอยู่ในระดับ 63.93 ของกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้ายังไม่กลับคืนมา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเคยขึ้นไปอยู่ในระดับ 68.06
• สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือน ม.ค. 59 อยู่ที่ 63.93 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 68.06 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของไทย ส่วนใหญ่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก แต่เมื่อเศรษฐกิจของตลาดหลักสำคัญของไทย อาทิ สหรัฐฯ จีน และสหภาพยุโรปยังฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ทำให้ยอดคำสั่งซื้อจากประเทศเหล่านี้ลดลงเช่นกัน ซึ่งการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบในเดือน ม.ค. 59 หดตัวในระดับสูงที่ร้อยละ -15.3 สะท้อนว่าผู้ประกอบการยังไม่มีการสั่งวัตถุดิบเพื่อมาป้อนการผลิตเพิ่มขึ้น และส่งผลมายังการผลิตสินค้าให้ลดลงด้วย นอกจากนี้ ยังพบว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าการดำเนินธุรกิจยู่ในภาวะที่ยังไม่ดี เนื่องจากไม่มียอดคำสั่งใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาตามเป้าหมายที่ควรจะเป็น อีกทั้งสะท้อนให้เห็นว่ายังไม่มีการลงทุนใหม่หรือขยายกิจการเพิ่มขึ้น

• นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เปิดเผยในรายงานที่เตรียมไว้สำหรับกล่าวในพิธีเปิดการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ในวันที่ 5 มี.ค. 59 ว่ารัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ที่ร้อยละ 6.5 - 7.0 จากร้อยละ 7.0 ของปีที่แล้วขณะเดียวกันรัฐบาลจีนได้กำหนดอัตราการขยายตัวรายปีโดยเฉลี่ยเอาไว้อย่างน้อยที่ร้อยละ 6.5 ไปจนถึงปี 2563 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายการขยายตัวรายปีที่เคยกำหนดเอาไว้ที่ร้อยละ 6.9
• สศค. วิเคราะห์ว่า การที่จีนปรับลดเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 59 ไว้ที่ร้อยละ 6.5 - 7.0 และเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยไปจนถึงปี 63 ไว้ที่ร้อยละ 6.5 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้การส่งออกสินค้าของประเทศจีนนั้น มีการหดตัวลงอย่างมาก โดยในเดือน ม.ค. 59 การส่งออกของประเทศจีนนั้นหดตัวลงถึงร้อยละ -11.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการที่ประเทศจีนมีปัญหาทางด้านการส่งออก รัฐบาลของจีนจึงต้องการปรับโครงสร้างของเศรษฐกิจจากการที่ต้องพึ่งพาการส่งออกมาเป็นการพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดผลกระทบจากภายนอก และเพื่อสร้างความเจริญเติบโตที่ยังยืน ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ ณ ม.ค. 59 ว่าเศรษฐกิจจีนในปี 59 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.6

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257