Macro Morning Focus ประจำวันที่ 7 เมษายน 2559
1. ม.หอการค้า เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.อยู่ที่ 73.5
2. EXIM Bank หนุนการค้าไทย-อิหร่านให้บริการธุรกรรมการเงินข้ามชาติ
3. ธนาคารกลางอินเดียมีมติลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับร้อยละ 6.5 ต่อปี
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน มี.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 73.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 62.4 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 68.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 89.5
- สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน มี.ค. 59 ยังปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 5 เดือน อยู่ที่ระดับ 73.5 ซึ่งต่ำกว่าระดับปกติที่ระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังฟื้นตัวในระดับต่ำ โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ภัยแล้งเป็นสำคัญ ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นๆ เช่น การปรับลด GDP ปี 59 ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เหลือร้อยละ 3.1 ต่อปี (จากเดิมคาดที่ร้อยละ 3.5 ต่อปี) ความเสี่ยงจากค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย และความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังได้รับปัจจัยบวกด้านการส่งออก โดยข้อมูลล่าสุดในเดือน ก.พ. 59 ขยายตัวที่ร้อยละ 10.27 ต่อปี ปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และอานิสงส์จากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ อาทิ โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวประชารัฐ ที่รัฐบาลสนับสนุนเงินทุนให้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าวจะเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ในระยะต่อไป ทั้งนี้ สศค. จะทำการปรับคาดการณ์ GDP อีกครั้งในช่วงปลายเดือน เม.ย. 59
- ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM Bank เปิดเผยว่า EXIM Bank พร้อมสนับสนุนทางการเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนการค้าไทย-อิหร่าน และจะเป็นธนาคารแห่งแรกในไทยที่เปิดให้บริการดังกล่าวอย่างเป็นทางการและถูกต้องตามกฎหมาย
- สศค. วิเคราะห์ว่า รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าไทย-อิหร่าน ประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 5 ปีข้างหน้า ภายหลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. 59 และการสนับสนุนของ EXIM Bank ถือเป็นบทบาทในเชิงรุกของธนาคารตามแนวนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมการบุกตลาดใหม่อย่างอิหร่านซึ่งเป็นตลาดสำคัญในตะวันออกกลางที่มีกำลังซื้อและความต้องการสินค้าจากไทย โดยเฉพาะ ข้าว ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และยางพารา รวมทั้ง เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องปรับอากาศ และเม็ดพลาสติก สำหรับสินค้าไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวดีในตลาดอิหร่านได้แก่ ชิ้นส่วนยานยนต์ เพราะอิหร่านเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง
- ธนาคารกลางอินเดียมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับร้อยละ 6.5 ต่อปี จากเดิมที่ร้อยละ 6.75 ต่อปี ซึ่งนับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 6.75 ต่อปี เป็นร้อยละ 6.5 ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับประเทศในภูมิภาค เช่น ญี่ปุ่น จีน ไต้หวันและอินโดนีเซีย เป็นต้น เพื่อเป็นการดำเนินนโยบายการเงินที่เอื้อต่อการลงทุนของภาคเอกชน เนื่องจากการลงทุนภาคเอกชนในอินเดียมีแนวโน้มอ่อนตัวลง ซึ่งจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะเป็นการสนับสนุนกิจกรรมและช่วยเหลือการลงทุนโครงการใหม่ๆของรัฐบาลควบคู่กันไป ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอินเดียในปี 59 จะขยายตัวที่ร้อยละ 7.3 ต่อปี โดยได้รับอานิสงส์แรงสนับสนุนจากนโยบายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนอย่างเต็มที่ในปี 59
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257