รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 18, 2016 11:09 —กระทรวงการคลัง

นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ดังนี้

หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 29 กุมภาพันธ์ 2559 มีจำนวน 6,005,787.17 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.13 ของ GDP และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นสุทธิ 25,126.50 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น หนี้ของรัฐบาล จำนวน 4,415,351.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27,865.09 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 1,044,482.35 ล้านบาท ลดลง 134.68 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 528,522.96 ล้านบาท ลดลง 2,608.22 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 17,430.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.31 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

หนี้ของรัฐบาล จำนวน 4,415,351.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 27,865.09 ล้านบาท

โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 23,779 ล้านบาท
  • การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 4,976.24 ล้านบาท

มีรายการ ดังนี้

1. การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน 4,644.22 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 381.70 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีเขียว การรถไฟ

แห่งประเทศไทย จำนวน 4,262.52 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนน

จิระ-ขอนแก่น และเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย พร้อมทางคู่

เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง และโครงการ

รถไฟชานเมืองสายสีแดง

2. การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 268 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL)

3. การเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)

ของกรมทางหลวง จำนวน 64.02 ล้านบาท

  • การชำระหนี้เงินต้น ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมจากหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 1,987.13 ล้านบาท แบ่งเป็น
  • การชำระหนี้เงินกู้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 1,383.09 ล้านบาท
  • การชำระคืนต้นเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 374.49 ล้านบาท
  • การชำระคืนดอกเบี้ย จำนวน 217.83 ล้านบาท (แบ่งเป็น ดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ จำนวน 90.36 ล้านบาท และดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ จำนวน 127.47 ล้านบาท)
  • การชำระค่าธรรมเนียม จำนวน 11.72 ล้านบาท โดยเป็นค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ปีงบประมาณ 2559 ครั้งที่ 1
  • การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 1,757.97 ล้านบาท แบ่งเป็นชำระเงินต้น จำนวน 238.28 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 1,519.69 ล้านบาท
  • ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 1,105.73 ล้านบาท

หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 1,044,482.35 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 134.68 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

  • ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 2,628.63 ล้านบาท
  • การไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนดของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,000 ล้านบาท
  • การชำระคืนหนี้เงินต้นมากกว่าการเบิกจ่ายทำให้หนี้ลดลง 1,755.36 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญ เกิดจากการชำระหนี้เงินต้นของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,250.66 ล้านบาท

หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 528,522.96 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 2,608.22 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 1,578 ล้านบาท และการไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนดของธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน 1,000 ล้านบาท

หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 17,430.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 4.31 ล้านบาท โดยเกิดจากการเบิกจ่ายและชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานธนานุเคราะห์ จำนวน 34.31 ล้านบาท และ 25 ล้านบาท ตามลำดับ และการชำระคืนต้นเงินกู้ของมหาวิทยาลัยพะเยา จำนวน 5 ล้านบาท

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 สบน. มีการบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 18,500 และ 1,000 ล้านบาท ตามลำดับ

หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เท่ากับ 6,005,787.17 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ในประเทศ 5,652,533.66 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.12 และหนี้ต่างประเทศ 353,253.51 ล้านบาท (ประมาณ 10,087.77 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 5.88 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และแบ่งเป็นหนี้ระยะยาว 5,725,074.08 ล้านบาท หรือร้อยละ 95.33 และหนี้ระยะสั้น 280,713.09 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.67 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด

คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505 5512 และ 5520

เอกสารแนบ 1

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ดังนี้

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 มีจำนวน 6,005,787.17 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.13 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 25,126.50 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. หนี้ของรัฐบาล 4,415,351.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27,865.09 ล้านบาท

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,044,482.35 ล้านบาท ลดลง 134.68 ล้านบาท

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 528,522.96 ล้านบาท ลดลง 2,608.22 ล้านบาท

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 17,430.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.31 ล้านบาท

ทั้งนี้ สัดส่วนและรายละเอียดของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559

1. หนี้ของรัฐบาล

1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 28,103.38 ล้านบาท เนื่องจาก

1.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 1,360.38 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลง ของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 1,105.73 ล้านบาท ประกอบกับการเบิกจ่าย และการชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนและสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น จำนวน 254.65 ล้านบาท

1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้น 26,743 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก

  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้เพิ่มขึ้นสุทธิ 23,779 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 23,779 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล
  • การปรับโครงสร้างหนี้โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 10,000 ล้านบาท
เพื่อนำมาชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 10,000 ล้านบาท
  • เงินกู้ให้กู้ต่อ เพิ่มขึ้นสุทธิ 2,696 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก
  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 381.70 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 370.23 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 11.47 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 1,383.09 ล้านบาท
  • การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 3,697.39 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น จำนวน 2,343 ล้านบาท และเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง จำนวน 1,023.28 ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 295.14 ล้านบาท และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง จำนวน 35.97 ล้านบาท
  • การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 268 ล้านบาท จากการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL)

1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 238.29 ล้านบาท จากการชำระหนี้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3)

1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน

2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน

2.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นสุทธิ 1,510.67 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 1,838.58 ล้านบาท และการชำระคืนหนี้เงินเยนของรัฐวิสาหกิจต่างๆ จำนวน 327.91 ล้านบาท

2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 1,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด

2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน

2.2.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นสุทธิ 63.26 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลง ของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 790.05 ล้านบาท ประกอบกับการชำระคืนต้นเงินกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 726.79 ล้านบาท

2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงสุทธิ 708.61 ล้านบาท เนื่องจาก

  • องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ออกและไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 10 ล้านบาท และ 2.36 ล้านบาท ตามลำดับ
  • รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 716.25 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 281.20 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 997.45 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)

3.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลง 30.22 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้สกุลเงินเยน จำนวน 29.86 ล้านบาท ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 0.36 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 5

3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 2,578 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 1,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนต้นเงินตามสัญญาเงินกู้ จำนวน 1,578 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการบริหารจัดการความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ เพิ่มขึ้นสุทธิ 4.31 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากหน่วยงานของรัฐมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้มากกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ โดยเป็นการเบิกจ่ายและชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานธนานุเคราะห์จำนวน 34.31 ล้านบาท และ 25 ล้านบาท ตามลำดับ และการชำระคืนต้นเงินกู้ของมหาวิทยาลัยพะเยา จำนวน 5 ล้านบาท

หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 มีจำนวน 6,005,787.17 ล้านบาท ซึ่งสามารถแบ่งประเภทเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้นได้ ดังนี้

หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 353,253.51 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.88 และหนี้ในประเทศ 5,652,533.66 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.12 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) แบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,725,074.08 ล้านบาท หรือร้อยละ 95.33 และหนี้ระยะสั้น 280,713.09 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.67 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,176,556.43 ล้านบาท หรือร้อยละ 86.19 และหนี้ระยะสั้น 829,230.74 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.81 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

เอกสารแนบ 2

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงาน บริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2559 วงเงินรวม 63,795.04 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 44,295.04 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ 19,500 ล้านบาท 1. การบริหารจัดการหนี้รัฐบาล วงเงินรวม 44,295.04 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.1 การกู้เงินในประเทศ 28,126.09 ล้านบาท

1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 629.15 ล้านบาท

1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ 10,000 ล้านบาท

1.4 การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศ จำนวน 1,794.70 ล้านบาท

1.5 การชำระหนี้ 3,745.10 ล้านบาท

1.1 การกู้เงินในประเทศ กระทรวงการคลังกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 28,126.09 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ (โปรดดูตารางที่ 1 ประกอบ)

1.1.1 การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 23,779 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล

1.1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 4,079.09 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

(1) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 370.23 ล้านบาท และสายสีเขียว จำนวน 11.47 ล้านบาท

(2) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น จำนวน 2,343 ล้านบาท และเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง จำนวน 1,023.28 ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 295.14 ล้านบาท และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง จำนวน 35.97 ล้านบาท

1.1.3 การเบิกจ่ายเงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 268 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการ เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL)

1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 629.15 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.2.1 การเบิกจ่ายเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น จำนวน 1,773.13 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 565.13 ล้านบาท เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต

1.2.2 การเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย จำนวน 1.78 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 64.02 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง

1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 10,000ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้น โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้

1.4 การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้ ECP Programme ที่ให้กู้ยืมต่อแก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยการกู้เงินภายใต้ ECP Programme จำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 1,794.70 ล้านบาท

1.5 การชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 3,745.10 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

1.5.1 การชำระหนี้เงินต้น ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมจากหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 1,987.13 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • ชำระเงินต้น จำนวน 1,757.58 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น (1) การชำระหนี้เงินกู้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 1,383.09 ล้านบาท และ (2) การชำระหนี้ต่างประเทศ จำนวน 374.49 ล้านบาท
  • ชำระดอกเบี้ย จำนวน 217.83 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณทั้งจำนวน แบ่งเป็น (1) การชำระดอกเบี้ยหนี้ในประเทศ จำนวน 90.36 ล้านบาท และ (2) การชำระดอกเบี้ยหนี้ต่างประเทศ จำนวน 127.47 ล้านบาท
  • ชำระค่าธรรมเนียม จำนวน 11.72 ล้านบาท โดยเป็นค่าธรรมเนียมในการจำหน่ายพันธบัตร ออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ปีงบประมาณ 2559 ครั้งที่ 1

1.5.2 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 1,757.97 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) แบ่งเป็น เงินต้น 238.28 ล้านบาท และดอกเบี้ย 1,519.69 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ

2. การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม 19,500 ล้านบาท

2.1 การกู้เงินในประเทศ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 รัฐวิสาหกิจไม่มีการกู้เงินในประเทศ

2.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ

รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ โดยการขยายอายุสัญญาเงินกู้ (Roll Over) วงเงินรวม 19,500 ล้านบาท ประกอบด้วยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยซึ่งทำการ Roll Over วงเงิน 18,500 ล้านบาท และ 1,000 ล้านบาท ตามลำดับ

--กระทรวงการคลัง--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ