Macro Morning Focus ประจำวันที่ 27 มิถุนายน 2559
1. ททท. ประเมินอังกฤษออกจากอียูกระทบการท่องเที่ยวไทยระยะสั้น หวั่นเงินปอนด์อ่อนค่า
2. น้ำมัน WTI ปิดร่วง $2.47 วิตก Brexit กระทบดีมานด์น้ำมัน
3. มูดี้ส์ลดเครดิตการเงินอังกฤษติดลบ หลังโหวตออกจากอียู
- นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่า ผลกระทบจากการลงประชามติให้อังกฤษออกจากอียูจะส่งผลกระทบระยะสั้นกับการท่องเที่ยว เนื่องจากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในรอบ 31 ปีอาจส่งผลทำให้คนระมัดระวังในการตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากการลงประชามติให้อังกฤษออกจากอียู อาจส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศของประเทศไทย เนื่องจากค่าเงินปอนด์และค่าเงินยูโรนั้นอ่อนค่าลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษและยุโรปที่กำลังตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย อย่างไรก็ดี การที่เงินปอนด์และยูโรอ่อนค่าดังกล่าวอาจไม่ส่งผลต่อจำนวนท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากปัจจุบันเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และหากเงินปอนด์และเงินยูโรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในอนาคตก็เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะยังตัดสินใจมาท่องเที่ยวเช่นเดิม อีกทั้งการออกจากอียูของอังกฤษอาจส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย เนื่องจากอาจมีนักท่องเที่ยวจากอังกฤษที่เปลี่ยนจุดหมายของการเดินทางจากการท่องเที่ยวในประเทศในสหภาพยุโรป เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอื่นซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ สศค.คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศไว้ที่ 33.8 ล้านคน (คาดการณ์ ณ เดือน เม.ย. 59)
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงเมื่อคืนวันที่ 24 มิ.ย. เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การที่สหราชอาณาจักรตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป จะส่งกระทบเศรษฐกิจโลกและกระทบอุปสงค์น้ำมันอีกทอดหนึ่ง
- สศค. วิเคราะห์ว่า นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวกับอุปสงค์ และอุปทานน้ำมันที่จะทำให้ราคาน้ำมันมีการเคลื่อนไหวตามกลไกตลาดแล้ว ปัจจัยทางด้านการเก็งกำไรก็เป็นหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อความผันผวนของราคาน้ำมันด้วย ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงไปจากผลของการประชามติ Brexit ของสหราชอาณาจักร จะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเก็งกำไรของ นักลงทุน ซึ่งส่งผลต่อความผันผวนของราคาน้ำมัน ทั้งนี้ การผันผวนของราคาน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัส จะทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน และจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยได้ ทั้งนี้ สศค. ได้ทำการติดตามการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างใกล้ชิด และคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบโดยเฉลี่ยในปี 59 ว่าจะอยู่ที่ 35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (คาดการณ์ ณ เม.ย. 59) อย่างไรก็ตาม สศค. จะปรับประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบอีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด และจะทำการเผยแพร่ผลการประมาณการในสิ้นเดือน ก.ค. นี้
- มูดี้ส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของอังกฤษจากที่เคยอยู่ในระดับมั่นคงลงเหลือเป็นระดับติดลบภายหลังลงประชามติออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู)
- สศค. วิเคราะห์ว่า ในวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาของไทย (24 มิ.ย. 59) อังกฤษได้ประกาศ ผลการลงประชามติเพื่อตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (อียู) โดยผลของการลงประชามติแยกตัวจากอียูที่มีคนกว่า 30 ล้านคน ไปร่วมออกเสียง พบว่าเสียงส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 51.9 บ่งชี้ว่าต้องการให้อังกฤษออกจากอียู ทำให้ตลาดการเงินได้รับผลกระทบอย่างหนัก หุ้นของธนาคารอังกฤษร่วงด้วยมูลค่าที่หายไปร่วมหนึ่งในสาม นอกจากนี้ อังกฤษถือเป็นหนึ่งในบรรดาประเทศพัฒนาแล้วที่มีงบประมาณขาดดุลมากที่สุด และการที่อังกฤษลงประชามติแยกตัวจากอียู จะทำให้เกิดสภาพความไม่แน่นอนที่จะดำรงอยู่อย่างยาวนาน และจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะกลาง ซึ่งผลกระทบด้านลบจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดต่ำลง คาดว่าจะมากกว่าเงินที่อังกฤษจะประหยัดได้จากการที่ไม่ต้องสมทบให้กับงบประมาณของอียู อย่างไรก็ตาม กระบวนการออกจากอียูยังไม่สิ้นสุด เพราะจะต้องมีการเจรจาต่อรองกันเกิดขึ้น เพื่อหารูปแบบการออกจากอียูอีกประมาณ 2-3 ปี ซึ่งทิศทางจะเป็นอย่างไร อียูจะมีการต่อรองหรือไม่ ต้องติดตามในระยะต่อไป โดย สศค. คาดว่าในปี 59 เศรษฐกิจของอังกฤษจะเติบโตได้ที่ร้อยละ 2.2 (คาดการณ์ ณ เดือน เม.ย. 59) ทั้งนี้ จะมีการปรับสมมติฐานหลักที่ใช้ในการประมาณการอีกครั้งในเดือน ก.ค. 59
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257