รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 30 มิถุนายน 2559

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 30 มิถุนายน 2559

1. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเล็งลด GDP ไทยรับพิษ Brexit

2. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดเป้าส่งออกไทยปีนี้เป็นร้อยละ -2 จากเดิมคาดที่ร้อยละ 0

3. เกาหลีใต้เผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจยังอยู่ระดับต่ำ

• มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่าจะปรับลดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย ปี 59 จากเดิมที่คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย (GDP) จะโตร้อยละ 3.0 จะปรับลดเป็นร้อยละ 2.9 เนื่องจากผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ยังได้วิเคราะห์ถึงกรณีอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) คาดว่าทำให้ GDP ไทยปี 59 ลดลงไปร้อยละ 0.16 โดยส่วนใหญ่มาจากผลกระทบด้านมูลค่าการส่งออกประมาณ 20,000 -50,000 ล้านบาท
• สศค. วิเคราะห์ว่า ข้อมูลล่าสุดพบว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน พ.ค. 59 ยังสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกลับมาขยายตัวเป็นบวก ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น ภาคการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 51.0 ต่อปี ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้ายังคงหดตัวอยู่ที่ ร้อยละ -4.4 อย่างไรก็ดี คาดว่า Brexit น่าจะมีผลกระทบต่อไทยอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากความเชื่อมโยงมีอยู่ไม่มากนัก โดยสัดส่วนมูลค่าการส่งออกของไทยไปสหราชอาณาจักรและมูลค่าการนำเข้าของไทยจากสหราชอาณาจักรอยู่ที่เพียงร้อยละ 1.8 และ 1.3 ตามลำดับ ขณะที่ในด้านการลงทุนมียอดคงค้างการลงทุนโดยตรงจากสหราชอาณาจักรอยู่ที่ร้อยละ 3.6 และสัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ทั้งนี้ คาดการณ์ ณ เดือน เม.ย. 59 ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 59 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.3 โดยจะมีการปรับประมาณการอีกครั้งช่วงปลายเดือน ก.ค. 59

• กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่าการที่อังกฤษจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะมีผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในกรณีพื้นฐาน (Base Case) ซึ่งจะกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้ร้อยละ 0.07 ด้านภาคการส่งออกของไทยไนปีนี้ ได้ปรับลดประมาณการลงเป็นติดลบร้อยละ 2 จากเดิมที่ประเมินว่าร้อย 0 เนื่องจากตัวเลขการส่งออกไทยในเดือน เม.ย ที่ผ่านมาต่ำกว่าคาด
• สศค. วิเคราะห์ว่า การส่งออกของไทยไปยังสหราชอาณาจักรในปี 58 มีมูลค่า 1.3 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.8 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย และส่งออกไปยัง EU-27 มีมูลค่า 7.4 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.2 ของมูลค่าการส่งออก โดยสินค้าหลักที่ส่งออกไปยัง EU-27 ประกอบไปด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รถยนต์และส่วนประกอบ และอัญมณีและเครื่องประดับ มีสัดส่วนร้อยละ 14.1 5.8 และ 7.4 ตามลำดับ ขณะที่สินค้าส่งออกไปยังสหราชอาณาจักร ประกอบไปด้วย รถยนต์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป และอัญมณีและเครื่องประดับ มีสัดส่วนร้อยละ 14.7 14.3 และ 5.6 ตามลำดับ ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามการส่งออกในเดือนต่อ ๆ ไปว่า Brexit จะมีผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยหรือไม่ เนื่องจากหลายฝ่ายเห็นว่าระยะเวลาการดำเนินการออกจาก EU คงต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งคาดว่าผลกระทบน่าจะอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดการส่งออกของไทยมีการกระจายตัวที่ดี ทั้งนี้ สศค. คาดว่า ในปี 59 เศรษฐกิจไทยจะสามารถเติบโตได้ที่ร้อยละ 3.3 ต่อปี และการส่งออกคาดว่าจะหดตัวที่ร้อยละ -0.7 ต่อปี

• ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (BSI) ของผู้ผลิตในเดือนมิ.ย. 59 อยู่ที่ระดับ 71 ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยตัวเลขที่ต่ำกว่าฐาน 100 บ่งชี้ว่า ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นลบต่อเศรษฐกิจ
• สศค. วิเคราะห์ว่า สาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจอยู่ในระดับต่ำนั้น เนื่องมาจากความกังวลภายหลังรัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศใช้มาตรการปรับโครงสร้างองค์กรในอุตสาหกรรมการต่อเรือและขนส่ง ซึ่งคาดว่าการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะส่งผลให้มีการปลดพนักงานออกจากตำแหน่งจำนวนมาก และอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคของภาคเอกชนรวมทั้งการลงทุนในหมวดการก่อสร้างที่อ่อนแออยู่แล้ว ทั้งนี้ รัฐบาลเรียกร้องให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการต่อเรือชั้นนำลดจำนวนพนักงานและการลงทุนด้านสิ่งก่อสร้างลง เพื่อที่จะได้นำเงินกู้ยืมมาแบ่งสรรให้แก่บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากหนี้ โดยสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอนี้ ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ของเกาหลีในปี 59 ลงเหลือ ร้อยละ 2.8 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.1 ทั้งนี้ สศค. คาดว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปี 59 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 ต่อปี (คาดการณ์ ณ เม.ย.59)

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257