สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ดังนี้
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 พฤษภาคม 2559 มีจำนวน 5,977,353.33 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 43.35 ของ GDP โดยแบ่งเป็น หนี้ของรัฐบาล จำนวน 4,415,020.02 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็น สถาบันการเงิน จำนวน 1,028,771.82 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 521,614.04 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 11,947.45 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับ เดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้างลดลงสุทธิ 72,218.49 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
หนี้ของรัฐบาล จำนวน 4,415,020.02 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 59,199.13 ล้านบาทโดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 7,301.95 ล้านบาท
- การลดลงของตั๋วเงินคลัง จำนวน 60,000 ล้านบาท
- การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 1,696.15 ล้านบาท
- การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 168 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL)
- การชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย จากหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 10,442.80 ล้านบาท แบ่งเป็น
- การชำระหนี้เงินต้นที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548
- การชำระหนี้เงินต้นที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 จำนวน 4,400 ล้านบาท
- การชำระหนี้เงินต้นของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันและรับภาระแทน จำนวน 691.66 ล้านบาท
- การชำระดอกเบี้ย จำนวน 1,984.62 ล้านบาท
การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 11,854.35 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งเป็นชำระเงินต้น จำนวน 10,015.52 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 1,838.83 ล้านบาท
ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 108.47 ล้านบาท
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 1,028,771.82 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 9,893.61 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
- การทางพิเศษแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร จำนวน 1,000 ล้านบาท
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร จำนวน 1,000 ล้านบาท
- บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด จำนวน 5,970 ล้านบาท
- บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด จำนวน 2,000 ล้านบาท
- การชำระคืนหนี้เงินต้นจากสัญญาเงินกู้ (Term Loan) จากแหล่งเงินกู้ต่างๆ ที่มากกว่าการเบิกจ่าย ทำให้หนี้ลดลง 2,912.20 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยและบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จำนวน 3,000 ล้านบาท และ 929.55 ล้านบาท
- ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 1,692.23 ล้านบาท
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 521,614.04 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 2,788.53 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 2,793 ล้านบาท
หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 11,947.45 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 337.22 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานธนานุเคราะห์ จำนวน 328 ล้านบาท
หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2559 จำนวน 5,977,353.33 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 5,628,811.51 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.17 และหนี้ต่างประเทศ 348,541.82 ล้านบาท (ประมาณ 9,956.80 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 5.83 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,201,665.56 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.02 และหนี้ระยะสั้น 775,687.77 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.98 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด
คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505 5512 และ 5520
เอกสารแนบ 1
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2559 มีจำนวน 5,977,353.33 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 43.35 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 72,218.49 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. หนี้ของรัฐบาล 4,415,020.02 ล้านบาท ลดลง 59,199.13 ล้านบาท
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,028,771.82 ล้านบาท ลดลง 9,893.61 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 521,614.04 ล้านบาท ลดลง 2,788.53 ล้านบาท
4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 11,947.45 ล้านบาท ลดลง 337.22 ล้านบาท
1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงสุทธิ 49,183.61 ล้านบาท เนื่องจาก
1.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 526.84 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเบิกจ่ายหนี้สกุลเงินเยน ที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น จำนวน 418.37 ล้านบาท และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในส่วนที่เหลือ หลังจากทำการเบิกจ่ายและชำระคืน ในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 108.47 ล้านบาท
1.1.2 หนี้ในประเทศ ลดลงสุทธิ 49,710.45 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้สาธารณะ ลดลง 46,064.57 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 7,301.95 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรทั้งจำนวน
- การลดลงของตั๋วเงินคลัง จำนวน 60,000 ล้านบาท
- การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลัง
- การชำระต้นเงินที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 3,366.52 ล้านบาท
เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ลดลง 4,400 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีการชำระต้นเงินโดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน
- เงินกู้ให้กู้ต่อเพิ่มขึ้น 1,277.78 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก
- การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 1,205.16 ล้านบาท เพื่อจัดทำ
- การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 72.62 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟ ชานเมืองสายสีแดง จำนวน 38.02 ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 30.22 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย จำนวน 4.38 ล้านบาท
เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ลดลง 691.66 ล้านบาท เนื่องจากการชำระต้นเงินกู้ที่กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้แทนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยโดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน
เงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 168 ล้านบาท เนื่องจากการเบิกจ่ายเงินกู้ เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL)
1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 10,015.52 ล้านบาท จากการชำระหนี้โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งออกเป็น
- การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 3,843 ล้านบาท
- การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 6,172.52 ล้านบาท
1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า
2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
2.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 881.49 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้เงินเยน ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 548.64 ล้านบาท และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในส่วนที่เหลือหลังจากทำการชำระคืนในรูปเงินบาทลดลง 332.85 ล้านบาท
1.1.2 หนี้ในประเทศ ลดลงสุทธิ 49,710.45 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้สาธารณะ ลดลง 46,064.57 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 7,301.95 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรทั้งจำนวน
- การลดลงของตั๋วเงินคลัง จำนวน 60,000 ล้านบาท
- การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลัง จำนวน 10,000 ล้านบาท
- การชำระต้นเงินที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 3,366.52 ล้านบาท
เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ลดลง 4,400 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีการชำระต้นเงินโดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน
- เงินกู้ให้กู้ต่อเพิ่มขึ้น 1,277.78 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก
- การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 1,205.16 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 604.63 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 439.85 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 160.68 ล้านบาท
- การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 72.62 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟ ชานเมืองสายสีแดง จำนวน 38.02 ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 30.22 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย จำนวน 4.38 ล้านบาท
- เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ลดลง 691.66 ล้านบาท เนื่องจากการชำระต้นเงินกู้ที่กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้แทนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยโดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวน
เงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 168 ล้านบาท เนื่องจากการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL)
1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 10,015.52 ล้านบาท จากการชำระหนี้โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งออกเป็น
- การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 3,843 ล้านบาท
- การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 6,172.52 ล้านบาท
1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า
2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
2.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 881.49 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้เงินเยน ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 548.64 ล้านบาท และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในส่วนที่เหลือหลังจากทำการชำระคืนในรูปเงินบาทลดลง 332.85 ล้านบาท
2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 1,555 ล้านบาท เนื่องจาก
- การทางพิเศษแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร จำนวน 1,000 ล้านบาท
- การเคหะแห่งชาติไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 500 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ จำนวน 1,055 ล้านบาท
2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
2.2.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 1,355.44 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการชำระคืนต้นเงินกู้ สกุลเงินยูโรและสกุลเงินเยนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 669.64 ล้านบาท และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในส่วนที่เหลือหลังจากทำการชำระคืน ในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 2,025.08 ล้านบาท
2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงสุทธิ 11,922.56 ล้านบาท เนื่องจาก
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร จำนวน 1,000 ล้านบาท
- องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน และไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด จำนวน 15 ล้านบาท และ 10.36 ล้านบาท ตามลำดับ
- บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด จำนวน 5,970 ล้านบาท
- บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด จำนวน 2,000 ล้านบาท
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 990 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 3,967.20 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 755.11 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 4,722.31 ล้านบาท
3.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 4.47 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของ อัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น
3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 2,793 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนต้นเงินกู้ตามสัญญาเงินกู้
ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการบริหารจัดการความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ มีรายละเอียดปรากฏตามแผนภาพที่ 3
4. หนี้หน่วยงานของรัฐ ลดลงสุทธิ 337.22 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากหน่วยงานของรัฐมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายและชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 5.58 ล้านบาท และ 342.80 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานธนานุเคราะห์ จำนวน 328 ล้านบาท
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2559 มีจำนวน 5,977,353.33 ล้านบาท ซึ่งสามารถ แบ่งประเภทเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้นได้ ดังนี้
หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 348,541.82 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.83และหนี้ในประเทศ 5,628,811.51 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.17 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,779,962.65 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.70 และหนี้ระยะสั้น 197,390.68 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.30 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
- หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,201,665.56 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.02 และหนี้ระยะสั้น 775,687.77 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.98 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5512 และ 5520
เอกสารแนบ 2
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงาน บริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนพฤษภาคม 2559 วงเงินรวม 84,226.74 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 59,740.74 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ 24,486 ล้านบาท ดังนี้
1.1 การกู้เงินในประเทศ 8,747.73 ล้านบาท
1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 418.37 ล้านบาท
1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ 28,277.48 ล้านบาท
1.4 การชำระหนี้ 22,297.16 ล้านบาท
1.1 การกู้เงินในประเทศ กระทรวงการคลังกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 8,747.73 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.1.1 การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 7,301.95 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล
1.1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 1,277.78 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
(1) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย วงเงินรวม 1,205.16 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 604.63 ล้านบาท สายสีน้ำเงิน จำนวน 439.85 ล้านบาท และสายสีม่วง จำนวน 160.68 ล้านบาท
(2) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงินรวม 72.62 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง จำนวน 38.02 ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง จำนวน 30.22 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย จำนวน 4.38 ล้านบาท
1.1.3 การเบิกจ่ายเงินกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 168 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL)
1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 418.37 ล้านบาท จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต
1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 28,277.48 ล้านบาท
1.3.1 การปรับโครงสร้างหนี้รัฐบาล จำนวน 10,000 ล้านบาท ในเดือนพฤษภาคม 2559 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลัง จำนวน 10,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้
1.3.2. การปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 18,277.48 ล้านบาท ในเดือนพฤษภาคม 2559 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) โดยการออก R-bill จำนวน 17,900 ล้านบาท และการกู้เงินระยะสั้น จำนวน 377.48 ล้านบาท
1.4 การชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 22,297.16 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
1.4.1 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 10,442.81 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณทั้งจำนวนมีรายละเอียด ดังนี้
- ชำระเงินต้นในประเทศ จำนวน 8,458.19 ล้านบาท แบ่งเป็น (1) การชำระหนี้ที่ออกภายใต้ พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 3,366.52 ล้านบาท (2) การชำระหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้าง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 จำนวน 4,400 ล้านบาท และ (3) การชำระหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลัง ได้ปรับโครงสร้างหนี้แทนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 691.67 ล้านบาท ซึ่งหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกันและรับภาระแทน
- ชำระดอกเบี้ยในประเทศ จำนวน 1,984.62 ล้านบาท
1.4.2 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 11,854.35 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งออกเป็น
(1) การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 5,337.38 ล้านบาท แบ่งออกเป็น เงินต้น จำนวน 3,843 ล้านบาท และดอกเบี้ย จำนวน 1,494.38 ล้านบาท
(2) การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 6,516.97 ล้านบาท แบ่งออกเป็น เงินต้น จำนวน 6,172.52 ล้านบาท และดอกเบี้ย จำนวน 344.45 ล้านบาท
2.1 การกู้เงินในประเทศ จำนวน 5,486 ล้านบาท
ในเดือนพฤษภาคม 2559 กระทรวงการคลังมีการจัดหาเงินกู้ให้แก่รัฐวิสาหกิจ จำนวน 5,486 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน จำนวน 2,200 ล้านบาท และการจัดหาเงินกู้ให้แก่การเคหะแห่งชาติและการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน 1,800 ล้านบาท และ 1,486 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นการกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการต่างๆ
2.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 19,000 ล้านบาท
ในเดือนพฤษภาคม 2559 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศให้แก่รัฐวิสาหกิจวงเงินรวม 19,000 ล้านบาท โดยการขยายอายุสัญญาเงินกู้ (Roll Over) ประกอบด้วยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การเคหะแห่งชาติ การรถไฟแห่งประเทศไทย และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
--กระทรวงการคลัง--