Macro Morning Focus ประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2559
Summary:
1. รัฐบาลปั้น "อีอีซี" รับการลงทุนเพิ่ม 1.5 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี
2. เอชเอสบีซีชี้นโยบายการคลังตัวกระตุ้นศก. เร่งลงทุนภาครัฐอัดเม็ดเงินเข้าระบบ
3. ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ในปีนี้
1. รัฐบาลปั้น "อีอีซี" รับการลงทุนเพิ่ม 1.5 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี
- นายคณิศ แสงสุพรรณ ที่ปรึกษามูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยระหว่างการเสวนา "ปฏิวัติอุตสาหกรรมใหม่: ประเทศไทย 4.0" ว่า นโยบายหลักของรัฐบาลในการปฏิวัติอุตสาหกรรม ก็คือการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียนที่มีความพร้อมในการต่อยอดอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต
- สศค. วิเคราะห์ว่า ในเบื้องต้น คาดว่าจะมีภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (EEC) ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี แบ่งออกเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5 แสนล้านบาท การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 4 แสนล้านบาท การสร้างเมืองใหม่ โรงพยาบาล โรงเรียน และที่อยู่อาศัยไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท และการลงทุนด้านการท่องเที่ยวคุณภาพเชิงสุขภาพอีก 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จากสถานการณ์การลงทุนในช่วง 2 ปีหลัง พบว่าการลงทุนมีการหดตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ -1.0 และ -2.0 ในปี 58 และ 59 ตามลำดับ ดังนั้น ภาครัฐจึงมีความจำเป็นในการสร้างแรงจูงใจภาคเอกชนให้มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง EEC ก็เป็นหนึ่งในนโยบายสนับสนุนการลงทุนของประเทศดังกล่าว โดยการลงทุนจะมีผลดีต่อประเทศด้านการเพิ่มผลผลิตตามศักยภาพผ่านการเพิ่มปัจจัยทุน โดยคาดว่าหากโครงการต่างๆ ของรัฐบาลสามารถจูงใจให้มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นได้ในอนาคต ก็อาจจะทำให้ประเทศไทยสามารถที่จะก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางได้ในไม่ช้า
2. เอชเอสบีซีชี้นโยบายการคลังตัวกระตุ้นศก. เร่งลงทุนภาครัฐอัดเม็ดเงินเข้าระบบ
- ธนาคารเอชเอสบีซีไทย ได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยลงเหลือร้อยละ 2.8 ทั้งในปี 59 และปี 60 จากเดิมที่คาดไว้ที่ร้อยละ 3.0 และ 3.1 ตามลำดับ และคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.25 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความเสี่ยงจากอุปสงค์ต่างประเทศที่ซบเซาและระดับหนี้ภาคครัวเรือนที่สูง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยด้านการคลังสนับสนุนอยู่ทั้งด้านงบประมาณ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากประมาณการครั้งล่าสุดของ สศค. ณ เดือน ก.ค. 59 คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 59 จะขยายตัวได้ที่ร้อยละ 3.3 เทียบเท่ากับประมาณการครั้งก่อน (ณ เดือน เม.ย. 59) เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยเสี่ยงที่ใกล้เคียงกัน โดยภาคการส่งออกสินค้า และการลงทุนภาคเอกชนยังคงเป็นปัจจัยท้าทายสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี 59 อย่างไรก็ดี ภาคการคลังยังเป็นตัวสนับสนุนหลักของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวจากต่างประเทศก็ยังคงขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดที่มีการปรับตัวดีขึ้น กอปรกับมาตรการภาครัฐอีกหลายมาตรการที่มีการอัดฉีดเงินไปยังระดับหมู่บ้าน และตำบล ยังเป็นอีกหนี่งปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยผ่านการบริโภคภาคเอกชนที่นับเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
3. ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ในปีนี้
- สหพันธ์ค้าปลีกสหรัฐฯ ได้ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดค้าปลีกในปี 59 เป็นร้อยละ 3.4 จากเดิมที่ร้อยละ 3.1 เมื่อต้นปี และปรับเพิ่มยอดค้าปลีกทางออนไลน์และร้านค้าเป็นร้อยละ 7-10 จากร้อยละ 6-9 ที่เคยคาดไว้ในตอนต้นปี
- สศค. วิเคราะห์ว่า ยอดขายบ้านทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง จากข้อมูลล่าสุดในเดือน มิ.ย. 59 พบว่าปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับการจ้างงานก็มีการขยายตัวได้ดี และมีการปรับอัตราค่าจ้างเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับสูงที่ระดับ 98.0 โดยในเดือน มิ.ย. 59 ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ขยายตัวที่ร้อยละ 3.1 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 1.5 ซึ่งจากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีของเศรษฐกิจภาคค้าปลีกของสหรัฐฯ สอดคล้องกับการปรับเพิ่มคาดการณ์ของสหพันธ์ค้าปลีกสหรัฐฯ ในปี 59 นี้
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257