รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2559

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2559

1. เอกชนเชื่อมั่นหลังประชามติเศรษฐกิจดีขึ้น

2. ลุ้นราคาน้ำมันครึ่งปีหลังลง ฉุดค่าไฟฟ้าลด

3. คาดปีนี้เศรษฐกิจออสซี่โตร้อยละ 2.5-3.5

• ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคเอกชนเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้นและเชื่อว่าผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่ออกมาจะไม่ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นภาคเอกชน แม้ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ตาม เนื่องจากมองว่ารัฐบาลมีแนวทางในการดำเนินการต่อ อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างต่อเนื่อง และยังมีแผนการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการ ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลให้ช่วงครึ่งหลัง ทำให้เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน
• สศค. วิเคราะห์ว่า การจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 59 เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก ไม่ว่าผลการลงประชามติจะเป็นไปในทิศทางใดก็ตาม เนื่องจากรัฐบาลได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคเอกชนเริ่มจะมีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น สะท้อนได้จากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมในเดือน ก.ค. 59 อยู่ที่ระดับ 61.4 โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 60.6 ในเดือน มิ.ย. 59 ซึ่งนับเป็นการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน (ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย) ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 59 จะมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 3.3 (ประมาณการ ณ เดือน ก.ค. 59)

• รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของโลกเริ่มมีแนวโน้มลดลงใกล้เคียงกับความต้องการใช้ในระดับ 95-96 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดโลกในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ 35-40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งราคาดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยที่เป็นเชื้อเพลิงหลักของภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 23-25 บาทต่อลิตร ซึ่งจะส่งผลดีต่อค่าไฟฟ้าที่ไม่ปรับเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มลดลง
• สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบของโลกมีการลดลงมาอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนหน้าจากสภาวะล้นเกินของอุปทาน เนื่องจากเทคโนโลยี shale gas โดยราคาได้ลดลงต่ำสุดในช่วงเดือนม.ค. 59 อยู่ที่ 22.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งหลังจากนั้น ราคาได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนมิ.ย. 59 อย่างไรก็ดี เมื่อสหราชอาณาจักรได้มีการประกาศผลประชามติออกจากสหภาพยุโรป ก็ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้ราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลงในช่วงเดือน ก.ค. 59 ที่ผ่านมา โดยในช่วงที่เหลือของปี สศค. คาดว่าราคาน้ำมันก็จะยังคงทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยของปี 59 มีแนวโน้มอยู่ที่ 41.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล คิดเป็นการหดตัวร้อยละ -19.9 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ลดแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อ ผ่านการลดลงของราคาสินค้าเชื้อเพลิง และราคาค่าไฟฟ้าที่มีการปรับลดตามราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง สศค. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 59 จะอยู่ที่ร้อยละ 0.6 (ประมาณการ ณ เดือนก.ค. 59)

• ธนาคารกลางออสเตรเลีย (อาร์บีเอ) คาดการณ์ว่า ปีนี้เศรษฐกิจจะโตประมาณร้อยละ 2.5-3.5 และขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 3-4 ไปถึงปี 61 โดยสิ่งที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษได้แก่ทิศทางของค่าเงินและเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของออสเตรเลีย หากมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นแล้ว อาจมีการปรับคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต
• สศค. วิเคราะห์ว่า จากการที่ธนาคารกลางของออสเตรเลียประมาณการการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียไว้ที่ร้อยละ 2.5-3.5 นี้เกิดขึ้นหลังจากธนาคารกลางของออสเตรเลียได้มีมติลดอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ร้อยละ 1.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อที่จะรับมือเงินเฟ้อของประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ โดยในไตรมาสล่าสุดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของออสเตรเลีย อยู่ที่ร้อยละ 1.0 โดยคาดว่าการลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้การคาดการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับการประมาณการณ์ของ สศค.ที่ประมาณการการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียไว้ที่ร้อยละ 2.7 ( ประมาณการ ณ เดือน ก.ค. 59)

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257