รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2559

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 26, 2016 14:22 —กระทรวงการคลัง

นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ดังนี้

หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 สิงหาคม 2559 มีจำนวน 5,949,330.64 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.64 ของ GDP โดยแบ่งเป็น หนี้รัฐบาล จำนวน 4,422,488.53 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 995,932.29 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 507,633.62 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 23,276.20 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้างลดลงสุทธิ 10,323.46 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

หนี้รัฐบาล จำนวน 4,422,488.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 18,911.71 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 1,555.09 ล้านบาท
  • การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 1,365.19 ล้านบาท

โดยแบ่งเป็น (1) การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 701.60 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีเขียว และสายสีม่วง และ (2) การกู้เงินเพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 663.59 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง

การชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยจากหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 711.97 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • การชำระหนี้เงินต้นที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 108.19 ล้านบาท
  • การชำระหนี้ต่างประเทศ จำนวน 448 ล้านบาท
  • การชำระดอกเบี้ย จำนวน 155.78 ล้านบาท

การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 14,080.74 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งเป็นชำระเงินต้น จำนวน 12,513.77 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ย จำนวน 1,566.97 ล้านบาท

ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ ลดลง 9 ล้านบาท

  • หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 995,932.28 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 20,894.36 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด จำนวน 17,100 ล้านบาท

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 2,500 ล้านบาท

การชำระคืนหนี้เงินต้นจากสัญญาเงินกู้ (Term Loan) จากแหล่งเงินกู้ต่างๆ ทำให้หนี้ลดลง 1,061.92 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนหนี้เงินต้นของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 725.60 ล้านบาท

ผลของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ ลดลงสุทธิ 544 ล้านบาท

หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 507,633.62 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 7,144.84 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 23,276.20 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 1,195.97 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 1,293.79 ล้านบาท

หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2559 จำนวน 5,949,330.64 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 5,603,128.75 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.18 และหนี้ต่างประเทศ 346,201.89 ล้านบาท (ประมาณ 10,087.98 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 5.82 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,153,732.92 ล้านบาท หรือร้อยละ 86.63 และหนี้ระยะสั้น 795,597.72 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.37 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด

คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505 5518 และ 5520

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2559 ดังนี้

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2559 มีจำนวน 5,949,330.64 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.64 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 10,323.46 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. หนี้รัฐบาล 4,422,488.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,911.71 ล้านบาท

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 995,932.29 ล้านบาท ลดลง 20,894.36 ล้านบาท

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 507,633.62 ล้านบาท ลดลง 7,144.84 ล้านบาท

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 23,276.20 ล้านบาท ลดลง 1,195.97 ล้านบาท

ทั้งนี้ สัดส่วนและรายละเอียดของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2559 ปรากฏตามแผนภาพที่ 1 และตารางที่ 1 ตามลำดับ

1. หนี้รัฐบาล

1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 31,425.48 ล้านบาท เนื่องจาก

1.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นสุทธิ 1,812.03 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเบิกจ่าย

และการชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนและสกุลเงินเหรียญสหรัฐทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น จำนวน 1,821.03 ล้านบาท และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในส่วนที่เหลือ หลังจากทำการเบิกจ่ายและชำระคืน ในรูปเงินบาทลดลง 9 ล้านบาท

1. CAD=สกุลเงินเหรียญแคนาดา EUR=สกุลเงินยูโร JPY=สกุลเงินเยน และ USD=สกุลเงินเหรียญสหรัฐ

2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราถัวเฉลี่ยขาย ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน

3. หนี้ต่างประเทศที่มีการบริหารความเสี่ยงแล้ว ใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ทำการบริหารความเสี่ยง

หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ หลังจากที่ทำการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว

1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้นสุทธิ 29,613.45 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก

การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้น 28,885.09 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 1,555.09 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรทั้งจำนวน
  • การเพิ่มขึ้นของตั๋วเงินคลัง จำนวน 19,600 ล้านบาท
  • การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลัง จำนวน 7,730 ล้านบาท
  • เงินกู้ให้กู้ต่อเพิ่มขึ้นสุทธิ 728.36 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก
  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 701.60 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 483.03 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 180.15 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 38.42 ล้านบาท และมีการชำระเงินต้น จำนวน 108.19 ล้านบาท

โดยใช้เงินจากงบประมาณของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

  • การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 134.95 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต

1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 12,513.77 ล้านบาท จากการชำระหนี้โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งออกเป็น

  • การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 12,000 ล้านบาท
  • การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 513.77 ล้านบาท
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน

2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน

2.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงสุทธิ 244.06 ล้านบาทจากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 336.38 ล้านบาท และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในส่วนที่เหลือหลังจากทำการชำระคืน ในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 92.32 ล้านบาท

1. EUR=สกุลเงินยูโร JPY=สกุลเงินเยน และ USD=สกุลเงินเหรียญสหรัฐ

2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราถัวเฉลี่ยขาย ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน

3. หนี้คงค้างต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจบางส่วนได้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงแล้ว (Partial Hedge)

2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 1,074.91 ล้านบาท เนื่องจาก

  • การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 1,000 ล้านบาท
  • รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ จำนวน 2,074.91 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการเบิกจ่ายเงินกู้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 1,580 ล้านบาท

2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน

2.2.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 1,361.86 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการชำระคืนต้นเงินกู้ สกุลเงินต่างๆ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 725.54 ล้านบาท

และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในส่วนที่เหลือหลังจากทำการชำระคืน ในรูปเงินบาทลดลง 636.32 ล้านบาท

1. EUR=สกุลเงินยูโร JPY=สกุลเงินเยน และ USD=สกุลเงินเหรียญสหรัฐ

2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราถัวเฉลี่ยขาย ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน

3. หนี้ที่ยังไม่ได้มีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากรัฐวิสาหกิจมีรายรับและรายจ่ายหนี้ต่างประเทศเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ (Natural Hedged)โดยประกอบไปด้วย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงสุทธิ 20,363.35 ล้านบาท เนื่องจาก

  • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด จำนวน 17,100 ล้านบาท
  • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 2,500 ล้านบาท
  • รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 763.35 ล้านบาท

โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 252.63 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 1,015.98 ล้านบาท

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)

3.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลง 30.84 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการชำระคืนต้นเงินกู้

สกุลเงินเยนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 29.86

ล้านบาท และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างในส่วนที่เหลือหลังจากทำการชำระคืนในรูปเงินบาทลดลง 0.98 ล้านบาท

1. EUR=สกุลเงินยูโร JPY=สกุลเงินเยน และ USD=สกุลเงินเหรียญสหรัฐ

2. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราถัวเฉลี่ยขาย ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน

3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 7,114 ล้านบาท เนื่องจาก

  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 1,000 ล้านบาท
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 6,114 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการบริหารจัดการความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ ลดลงสุทธิ 1,195.97 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าเนื่องจากหน่วยงานของรัฐมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้น้อยกว่าการชำระคืนต้นเงินกู้ ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายและชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 122.82 ล้านบาท และ 1,318.79 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 1,293.79 ล้านบาท

หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2559 มีจำนวน 5,949,330.64 ล้านบาท ซึ่งสามารถแบ่งประเภทเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้นได้ ดังนี้

หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 346,201.89 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.82และหนี้ในประเทศ 5,603,128.75 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.18 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,811,793.89 ล้านบาท หรือร้อยละ 97.69 และหนี้ระยะสั้น 137,536.75 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.31 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,153,732.92 ล้านบาท หรือร้อยละ 86.63 และหนี้ระยะสั้น 795,597.72 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.37 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 8

หมายเหตุ: การนำข้อมูลและ/หรือบทวิเคราะห์ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะไปใช้และ/หรือเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลด้วย ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผนสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5512 และ 5520

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงาน บริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนสิงหาคม 2559 วงเงินรวม 104,305.78 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 100,605.78 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ 3,700 ล้านบาท ดังนี้

1. การบริหารจัดการหนี้รัฐบาล วงเงินรวม 100,605.78 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.1 การกู้เงินในประเทศ 2,391.64 ล้านบาท

1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ 528.64 ล้านบาท

1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ 79,412 ล้านบาท

1.4 การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศ 3,480.79 ล้านบาท

1.5 การชำระหนี้ 14,792.71 ล้านบาท

1.1 การกู้เงินในประเทศ กระทรวงการคลังกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 2,391.64 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ (โปรดดูตารางที่ 1 ประกอบ)

1.1.1 การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 1,555.09 ล้านบาท โดยเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ทั้งจำนวน

1.1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 836.55 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

(1) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย วงเงินรวม 701.60 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 483.03 ล้านบาท สายสีเขียว จำนวน 180.15 ล้านบาท และสายสีม่วง จำนวน 38.42 ล้านบาท

(2) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 134.95 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต

1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้จากต่างประเทศ จำนวน 528.64 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต

1.3 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 79,412 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

(1) การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB176A ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 16 มิถุนายน 2560 โดยการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) จำนวน 56,682 ล้านบาท

(2) การปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 15,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อ

(3) การปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลัง จำนวน 7,730 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้

1.4 การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้ ECP Programme ที่ให้กู้ต่อแก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยการกู้เงินภายใต้ ECP Programme จำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 3,480.79 ล้านบาท

1.5 การชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 14,792.71 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

1.5.1 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 711.97 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • ชำระเงินต้น จำนวน 556.19 ล้านบาท แบ่งเป็น (1) การชำระหนี้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 108.19 โดยใช้เงินจากเงินงบประมาณของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และ (2) การชำระหนี้ต่างประเทศ จำนวน 448 ล้านบาท
  • ชำระดอกเบี้ยจำนวน 155.78 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยต่างประเทศทั้งจำนวน

1.5.2 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 14,080.74 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งออกเป็น

(1) การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 12,063.26 ล้านบาท แบ่งออกเป็น เงินต้น จำนวน 12,000 ล้านบาท และดอกเบี้ย จำนวน 63.26 ล้านบาท

(2) การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 2,017.48 ล้านบาท แบ่งออกเป็น เงินต้น จำนวน 513.77 ล้านบาท และดอกเบี้ย จำนวน 1,503.71 ล้านบาท

2. การบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม 3,700 ล้านบาท

ในเดือนสิงหาคม 2559 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศให้แก่รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม 3,700 ล้านบาท โดยการขยายอายุสัญญาเงินกู้ (Roll Over) ประกอบด้วยการเคหะแห่งชาติ วงเงิน 2,300 ล้านบาท และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย วงเงิน 1,400 ล้านบาท (โปรดดูตารางที่ 2 ประกอบ)

--กระทรวงการคลัง--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ