รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 3 พฤศจิกายน 2559

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 3 พฤศจิกายน 2559

1. ยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ต.ค. 59 ขยายตัวร้อยละ 3.1 ต่อปี

2. ธปท. เผย เงินหยวนอ่อนค่า กระทบเงินบาทเล็กน้อย

3. ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติคงอัตราดอกเบี้ย

• กรมการขนส่งทางบกเผยปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ต.ค. 59 มีจำนวน 141,319 คัน คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 3.1 ต่อปี
• สศค. วิเคราะห์ว่า ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ต.ค. 59 ที่ขยายตัวร้อยละ 3.1 ต่อปี เป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 13.4 และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน โดยในเดือนล่าสุดขยายตัวทั้งในเขต กทม. และเขตภูมิภาค ที่ร้อยละ 7.2 และ 3.5 ตามลำดับ อันเป็นผลมาจากรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งที่คลี่คลายลง และราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรก ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการบริโภคภาคเอกชนที่มีสัญญาณการฟื้นตัว

• นางสาววชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ค่าเงินหยวนของจีนอ่อนค่าลงในรอบ 6 ปี ว่าในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาทางการจีนได้กำหนดค่ากลางเงินหยวนในทิศทางที่อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็เป็นขนาดที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ชี้กระทบค่าเงินบาทเล็กน้อย
• สศค. วิเคราะห์ว่า การอ่อนค่าของเงินหยวนของจีน ถือว่าเป็นไปตามกลไกตลาดที่มาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของค่ากลางของเงินหยวนส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อค่าเงินภูมิภาค รวมทั้งเงินบาท โดยการเคลื่อนไหวของค่าเงินภูมิภาคส่วนใหญ่ยังขึ้นกับทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และปัจจัยเฉพาะของแต่ละประเทศเป็นสำคัญ สำหรับค่าเงินบาทในเดือนตุลาคมได้อ่อนค่าลงประมาณร้อยละ 0.9 ในขณะที่มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีกครั้งภายในปีนี้ ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (คาดการณ์ ณ เดือน ต.ต. 59)

• ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติ 8 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Federal Fund Rate) ไว้ที่ระหว่างร้อยละ 0.25 - 0.50 ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด อย่างไรก็ตาม มีการส่งสัญญาณถึงความพร้อมมากขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ โดยมีปัจจัยต่างๆ แต่ Fed ตัดสินใจรอดูหลักฐานเพิ่มเติมบางอย่างเพื่อให้มั่นใจถึงความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายด้านการจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อและระบุว่า "ความเสี่ยงระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจค่อนข้างสมดุล" นอกจากนี้ยังระบุในเชิงมั่นใจมากขึ้นว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนเข้าสู่เป้าหมายร้อยละ 2
• สศค.วิเคราะห์ว่า หลังจากการเปิดเผยถอยแถลงของการประชุม ตลาดสหรัฐฯ คาดการณ์ถึงความเป็นไปได้สูงขึ้นที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. 59 โดยจากข้อมูลในตลาดซื้อขาย Fed Fund Future ของ CME Group สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดคาดการณ์ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นี้ อยู่ที่ร้อยละ 71.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 68.4 ในวันก่อนหน้าที่มีการแถลงผลการประชุม นอกจากนี้ ดัชนีหลักในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิดลดลง โดยดัชนี S&P 500 ปิดลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องกันยาวนานที่สุดในรอบ 5 ปี ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในปี 59 และ 60 อยู่ที่ร้อยละ 1.7 และ 1.8 ต่อปี ตามลำดับ

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257