นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ดังนี้
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 มีจำนวน 5,944,236.79 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 42.39 ของ GDP โดยแบ่งเป็น หนี้รัฐบาล 4,473,558.49 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 979,495.27 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 470,719.62 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 20,463.41 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้างลดลง 40,948.31 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
หนี้รัฐบาล จำนวน 4,473,558.49 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 18,301.56 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 4,260 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลทั้งจำนวน
- การลดลงของตั๋วเงินคลัง จำนวน 9,600 ล้านบาท
- การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ จำนวน 2,338.66 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (1) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 1,491.15 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 897.49 ล้านบาท สายสีเขียว จำนวน 584.32 ล้านบาท และสายสีม่วง จำนวน 9.34 ล้านบาท และ (2) การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 847.51 ล้านบาท เพื่อจัดทำ โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย จำนวน 530.19 ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ จำนวน 306.27 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น จำนวน 11.05 ล้านบาท
- การชำระหนี้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 435.90 ล้านบาท
- การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 13,246.17 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
- หนี้ต่างประเทศลดลง 1,618.15 ล้านบาท เนื่องจากผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสำคัญ
หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 979,495.27 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 5,463.14 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
- บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 643.87 ล้านบาท
- บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 929.55 ล้านบาท
- หนี้ต่างประเทศลดลง 2,499.47 ล้านบาท เนื่องจากการชำระคืนหนี้สุทธิของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 540.73 ล้านบาท และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 613.34 ล้านบาท และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้หนี้ลดลง จำนวน 1,345.43 ล้านบาท
- หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 470,719.62 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 16,340.34 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนหนี้สุทธิของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจำนวน 16,341 ล้านบาท
- หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 20,463.41 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 843.27 ล้านบาท จากการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ของหน่วยงานของรัฐ
หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2559 จำนวน 5,944,236.79 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 5,605,145.44 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.30 และหนี้ต่างประเทศ 339,091.35 ล้านบาท (ประมาณ 9,702 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 5.70 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,205,934.31 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.58 และหนี้ระยะสั้น 738,302.48 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.42 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด
คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 02 265 8050 ต่อ 5520 และ 5522
เอกสารแนบ 1
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2559 ดังนี้
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 มีจำนวน 5,944,236.79 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 42.39 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 40,948.31 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. หนี้รัฐบาล 4,473,558.49 ล้านบาท ลดลง 18,301.56 ล้านบาท
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 979,495.27 ล้านบาท ลดลง 5,463.14 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 470,719.62 ล้านบาท ลดลง 16,340.34 ล้านบาท
4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 20,463.41 ล้านบาท ลดลง 843.27 ล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนและรายละเอียดของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2559
1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงสุทธิ 5,055.39 ล้านบาท เนื่องจาก
1.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงสุทธิ 1,618.15 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสำคัญ
หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ หลังจากที่ได้บริหารความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
1.1.2 หนี้ในประเทศ ลดลงสุทธิ 3,437.24 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้สาธารณะลดลง 5,340 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 4,260 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลทั้งจำนวน
- การลดลงของตั๋วเงินคลัง จำนวน 9,600 ล้านบาท
- เงินกู้ให้กู้ต่อเพิ่มขึ้น 1,902.76 ล้านบาท เนื่องจาก
- การชำระหนี้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 435.90 ล้านบาท
- การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 1,491.15 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 897.49 ล้านบาท สายสีเขียว จำนวน 584.32 ล้านบาท และสายสีม่วง จำนวน 9.34 ล้านบาท
- การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 847.51 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย จำนวน 530.19 ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ จำนวน 306.27 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น จำนวน 11.05 ล้านบาท
1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 13,246.17 ล้านบาท จากการชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 13,000 ล้านบาท และหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 246.17 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
2.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงสุทธิ 2,292.67 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนและการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงสุทธิ 1,028.73 ล้านบาท เนื่องจาก
- องค์การขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด 1,000 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 28.73 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 1,446.91 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 1,475.64 ล้านบาท
2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน
2.2.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงสุทธิ 206.80 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงสุทธิ 1,934.94 ล้านบาท เนื่องจาก
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 90 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 1,844.94 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 249.69 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 2,094.63 ล้านบาท
3.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงสุทธิ 0.66 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 16,341 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 71,580.20 ล้านบาท และออกพันธบัตรจำนวน 22,000 ล้านบาท รวมถึง ได้มีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ มากกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 33,239.20 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 36,080.20 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 2,841 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจ ที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังจากได้บริหารความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว
4. หนี้หน่วยงานของรัฐ ลดลงสุทธิ 843.27 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากหน่วยงานของรัฐมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ โดยเป็นการเบิกจ่ายเงินกู้ 231.38 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 1,074.65 ล้านบาท
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 มีจำนวน 5,944,236.79 ล้านบาท ซึ่งสามารถ แบ่งประเภทเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้นได้ ดังนี้
หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 339,091.35 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.70และหนี้ในประเทศ 5,605,145.44 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.30 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,812,012.77 ล้านบาท หรือร้อยละ 97.78 และหนี้ระยะสั้น 132,224.02 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.22 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
- หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,205,934.31 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.58 และหนี้ระยะสั้น 738,302.48 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.42 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5520 และ 5522
เอกสารแนบ 2
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอสรุปผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2559 วงเงินรวม 141,113.62 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 83,033.42 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจ 58,080.20 ล้านบาท ดังนี้
1.1 การกู้เงินในประเทศ 6,598.65 ล้านบาท
1.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ 59,900 ล้านบาท
1.3 การชำระหนี้ 16,534.77 ล้านบาท
1.1 การกู้เงินในประเทศ กระทรวงการคลังกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวน 6,598.65 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.1.1 การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 4,260 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลทั้งจำนวน
1.1.2 การเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อ จำนวน 2,338.65 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
(1) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย วงเงินรวม 1,491.15 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จำนวน 897.49 ล้านบาท สายสีเขียว จำนวน 584.32 ล้านบาท และสายสีม่วง จำนวน 9.34 ล้านบาท
(2) การให้กู้ต่อแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย วงเงินรวม 847.50 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย จำนวน 530.19 ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ จำนวน 306.27 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น จำนวน 11.04 ล้านบาท
1.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ จำนวน 59,900 ล้านบาท ในเดือนพฤศจิกายนกระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
(1) การปรับโครงสร้างหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 42,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 26,000 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 16,000 ล้านบาท (2) การปรับโครงสร้างหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 17,900 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 10,000 ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 7,900 ล้านบาท
1.3 การชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้ จำนวน 16,534.77 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
1.3.1 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 1,804.26 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ชำระเงินต้น จำนวน 435.90 ล้านบาท โดยเป็นการชำระหนี้ที่รัฐบาลให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
- ชำระดอกเบี้ย จำนวน 1,368.36 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ยในประเทศทั้งจำนวน
1.3.2 การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 14,730.51 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ แบ่งออกเป็น
(1) การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) จำนวน 14,310 ล้านบาทแบ่งออกเป็น เงินต้น จำนวน 13,000 ล้านบาท และดอกเบี้ย จำนวน 1,310 ล้านบาท
(2) การชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 420.51 ล้านบาท แบ่งออกเป็น เงินต้น จำนวน 246.17 ล้านบาท และดอกเบี้ย จำนวน 174.34 ล้านบาท
ในเดือนพฤศจิกายน 2559 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร วงเงินรวม 58,080.20 ล้านบาท โดยการขยายอายุสัญญาเงินกู้ (Roll Over)
--กระทรวงการคลัง--