นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยที่ไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อของธนาคารได้ แต่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาล และค่าเล่าเรียน เป็นต้น โดยโครงการสินเชื่อดังกล่าวจะช่วยให้กลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ในกรณีมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินเร่งด่วน โดยไม่ต้องไปใช้บริการสินเชื่อนอกระบบ ซึ่งสรุปหลักเกณฑ์ได้ดังนี้
1. วัตถุประสงค์ : ให้สินเชื่อแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนภายในครอบครัว โดยต้องไม่เป็นการ Refinance หนี้ในระบบ
2. วงเงินสินเชื่อรวม : ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นวงเงินสินเชื่อธนาคารออมสินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท และ ธ.ก.ส. ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท
3. วงเงินให้สินเชื่อต่อราย : ไม่เกิน 50,000 บาท ต่อราย
4. กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนที่มีการประกอบอาชีพ และ/หรือเกษตรกรที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน
5. ระยะเวลาการยื่นขอสินเชื่อ : ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินโครงการ
6. ระยะเวลาการให้กู้ยืม : ไม่เกิน 5 ปี
7. อัตราดอกเบี้ย : อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ 0.85 ต่อเดือน
8. หลักประกัน : บุคคลค้ำประกันอย่างน้อย 1 คน และ/หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
9. หลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อ : พิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากรายได้และค่าใช้จ่ายรวมของบุคคลในครอบครัวเป็นหลัก โดยสามารถตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโรได้ แต่จะไม่นำมาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาสินเชื่อ
10. วงเงินงบประมาณที่รัฐบาลชดเชยสูงสุด ไม่เกิน 4,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นวงเงินชดเชยให้กับธนาคารออมสินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท และ ธ.ก.ส. ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท
นายกฤษฎาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้นมีกลุ่มเป้าหมายครอบคลุม
ทั้งประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อย เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ส่งผลให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้เข้าร่วมโครงการให้ดีขึ้นประมาณ 200,000 ราย
สำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 02 273 9020 ต่อ 3245 โทรสาร 02 618 3374
--กระทรวงการคลัง--