นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ร่วมแถลงข่าวการประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยผู้ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการลงทะเบียนฯ) สามารถตรวจสอบสิทธิในการได้รับสวัสดิการของตัวเองได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2560 เป็นต้นไป ผ่าน 3 ช่องทาง ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบสามารถไปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรฯ) ได้ที่หน่วยงาน/สาขาที่ได้ไปลงทะเบียนไว้ ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2560 ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติสามารถยื่นขออุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 29 กันยายน 2560 โดยมีสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ผลการตรวจสอบผู้ผ่านคุณสมบัติ กระบวนการคัดกรองคุณสมบัติจาก 26 หน่วยงานตรวจสอบ ได้เสร็จสิ้นลงในวันที่ 8 กันยายน 2560 พบว่า จากผู้ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนฯ ทั้งหมดจำนวน 14,176,170 คน มีผู้ที่ผ่านคุณสมบัติจำนวน 11,431,681 คน และมีผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติจำนวน 2,744,489 คน
2. การประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติ กระทรวงการคลังจะเปิดให้ตรวจสอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2560 เป็นต้นไป ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้
ช่องทางที่ 1 ตรวจสอบด้วยตัวเองหรือขอความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ได้แก่ www.epayment.go.th www.mof.go.th และ www.fpo.go.th โดยพิมพ์เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักลงไปในช่องที่กำหนด ระบบจะแจ้งผลการตรวจสอบ
ช่องทางที่ 2 ตรวจสอบผ่านสายด่วน 6 หน่วยงาน ในเวลาราชการ ได้แก่ 1) Call center ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 1359 2) Call center ของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 02-555-0555 3) Call center ของ ธนาคารออมสิน 1115 4) Call center ของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 02-111-1111 5) Call center ของกรมบัญชีกลาง 02-270-6400 และ 6) เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต
ช่องทางที่ 3 ตรวจสอบ ณ ที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหน่วยงานอื่นตามที่กรมการปกครองเห็นสมควร และสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร โดยกระทรวงการคลังจะส่งรายชื่อแยกตามจังหวัด อำเภอ และตำบล ส่งให้กระทรวงมหาดไทย และแยกเป็นรายเขตส่งให้กรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินการติดประกาศผู้มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่อไป
3. กระบวนการอุทธรณ์คุณสมบัติ
ในกรณีผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและต้องการอุทธรณ์ สามารถขออุทธรณ์ให้ตรวจสอบคุณสมบัติใหม่ได้ภายในวันที่ 29 กันยายน 2560 โดยปฏิบัติตาม 7 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 ผู้ลงทะเบียนตรวจสอบผลผ่าน 3 ช่องทางที่ได้กล่าวไปแล้ว และหากพบว่าคุณสมบัติไม่ผ่าน
ขั้นตอนที่ 2 บนหน้าจอแสดงผลจะระบุคุณสมบัติที่ไม่ผ่าน และหากผู้ลงทะเบียนต้องการอุทธรณ์ ให้กดปุ่ม “ยื่นคำขออุทธรณ์”
ขั้นตอนที่ 3 กรอกแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อขออุทธรณ์ โดยหลังจากกดปุ่ม ยื่นอุทธรณ์ ระบบจะถามวันเดือนปีเกิด เพื่อยืนยันตัวบุคคล พร้อมทั้งเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ หลังจากนั้นให้กดปุ่มสีเหลืองด้านล่างของหน้าจอที่เขียนว่า “บันทึกและส่งคำขออุทธรณ์”
ขั้นตอนที่ 4 หลังจากกดปุ่มบันทึกและส่งคำขออุทธรณ์แล้ว ข้อความบนปุ่มสีเหลืองจะเปลี่ยนเป็น “อยู่ระหว่างการอุทธรณ์”
ขั้นตอนที่ 5 หลังจากปิดรับการยื่นขออุทธรณ์ กระทรวงการคลังจะรวบรวมข้อมูลส่งให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติตามคำขออุทธรณ์ต่อไป
ขั้นตอนที่ 6 หน่วยงานตรวจสอบใช้เวลา 1 สัปดาห์ในการตรวจสอบ และส่งผลการอุทธรณ์กลับมาให้กระทรวงการคลังภายในวันที่ 16 ตุลาคม 2560
ขั้นตอนที่ 7 กระทรวงการคลังประกาศผลการอุทธรณ์ในวันที่ 24 ตุลาคม 2560 ผ่าน 2 ช่องทางเท่านั้น ได้แก่ www.epayment.go.th และสายด่วน 6 หน่วยงาน หากผลการอุทธรณ์ยืนตามผล ครั้งแรกคือไม่ผ่าน ผู้ยื่นอุทธรณ์จะไม่มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการ ทั้งนี้ หากผู้อุทธรณ์ยังมีข้อสงสัยในผลการอุทธรณ์ ให้ติดต่อสอบถามหน่วยงานที่ตรวจสอบคุณสมบัตินั้น ๆ โดยตรง แต่หากผลการอุทธรณ์ปรากฎว่าผ่านคุณสมบัติ ผู้ยื่นอุทธรณ์จะได้รับบัตรฯ ต่อไป
4. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐผู้มีสิทธิได้รับบัตรฯ สามารถไปรับบัตรฯ ได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ได้ไปลงทะเบียนไว้ ได้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2560 เป็นต้นไป การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมี 2 หมวด ได้แก่ หมวดการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งประกอบด้วย 1) วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตร จากร้านธงฟ้าประชารัฐ โดยผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อคนต่อปี จะได้รับ 300 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท จะได้รับ 200 บาทต่อคนต่อเดือน และ 2) วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน และหมวดการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งประกอบด้วย 1) วงเงินค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน 2) วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อคนต่อเดือน และ 3) วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อ
Call Center ของบัตรฯ ได้ที่ 02-109-2345 จำนวน 150 คู่สาย วันจันทร์ – วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 – 17.30 น.
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 1359
--กระทรวงการคลัง--