นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้แถลงข่าวการดำเนินงานของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในปี 2560 และแผนการดำเนินงานในปี 2561 ของ สบน. โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานของ สบน. ในปี 2560
1.1 การจัดหาเงินกู้ของรัฐบาล
สบน. ได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จำนวน 552,922 ล้านบาท และกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 542,397 ล้านบาท รวมทั้งได้พัฒนาธุรกรรมรับวงเงินประมูลพันธบัตรเพิ่มเติม (Overallotment) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกู้เงินของรัฐบาลให้มีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับสภาพคล่องในประเทศที่อยู่ในระดับสูงได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ได้พัฒนาธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) เพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลจากรูปแบบ one-to-Multiple เป็น Multiple-to-Multiple รวมถึงพัฒนาธุรกรรม Bond Switching บนระบบอิเล็กทรอนิกส์ BSwitching) ได้เป็นครั้งแรกของประเทศไทย
1.2 การจัดหาเงินกู้โครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 มีการเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง จำนวน 51,404 ล้านบาท โครงการหลักที่มีผลการเบิกจ่ายเงินกู้ในปีงบประมาณ 2560 ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี โครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง – บางแค และช่วงบางซื่อ – ท่าพระ และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีแผนการเบิกจ่ายเงินกู้ 98,643 ล้านบาท โครงการสำคัญที่มีแผนการเบิกจ่าย ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพ - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพ - นครราชสีมา) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 5 เส้นทาง 3 โครงการ ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีการเบิกในส่วนของเงินกู้แล้ว จำนวน 10,001 ล้านบาท
1.3 การจัดหาเงินกู้ให้แก่รัฐวิสาหกิจ
สบน. ได้จัดหาเงินกู้ให้แก่รัฐวิสาหกิจจำนวน 9 แห่ง ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จำนวน 266,166 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ตามวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนในโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ การปรับโครงสร้างหนี้เดิม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ
2. แผนการดำเนินงานของ สบน. ในปี 2561
2.1 แผนการกู้เงินของรัฐบาลในปี 2561
สบน. มีแผนกู้เงิน จำนวน 1.124 ล้านล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย (1) การกู้เงินใหม่จำนวน 607,251 ล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จำนวน 450,000 ล้านบาท และสนับสนุนการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ โครงการระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โครงการระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย - จีนและ โครงการรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตลอดจนโครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจรของกรมทางหลวง และ (2) การกู้เงินปรับโครงสร้างหนี้เดิมจำนวน 516,755 ล้านบาท โดย สบน. เห็นควรระดมทุนจากภายในประเทศโดยการกู้เงินในรูปแบบพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้อื่นๆ เป็นหลัก โดยมีการกู้เงินสกุลต่างประเทศจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศบางส่วนสำหรับโครงการที่มีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ
การกู้เงินและการบริหารหนี้ของรัฐบาลจะดำเนินการภายใต้แผนการบริหารความเสี่ยงซึ่งจะครอบคลุมการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย และการปรับโครงสร้างหนี้ โดยคำนึงถึงต้นทุนและความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ปัจจุบันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของหนี้รัฐบาลยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากมีสัดส่วนหนี้ต่างประเทศเพียงร้อยละ 0.9 ของหนี้รัฐบาลทั้งหมด โดยหนี้ต่างประเทศที่คงค้างอยู่และหนี้ต่างประเทศที่จะมีการกู้เพิ่มเติมในปี 2561 สบน. จะเร่งดำเนินการปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน รวมทั้งชำระคืนหนี้ต่างประเทศที่มีต้นทุนสูงกว่าอัตราตลาดในปัจจุบัน โดยเปลี่ยนมาใช้เงินกู้ในประเทศทดแทน (Refinancing)
2.2 การบริหารจัดการเงินสดในเชิงรุก (Active Cash Management)
ปัจจุบันระบบการเงินและการทำธุรกรรมทางการเงินของโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ประกอบกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ของรัฐบาล ส่งผลให้ สบน. ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารเงินสดและเงินคงคลังของรัฐบาลให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดย สบน. ได้เสนอแก้ไขกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะและกฎหมายเงินคงคลังเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารเงินคงคลัง ทำให้การบริหารเงินสดของรัฐบาลมีความคล่องตัวมากขึ้น สามารถบริหารระดับของเงินคงคลังให้สอดคล้องกับการเบิกจ่ายของภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มกรอบการกู้เงินระยะสั้นเพื่อบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลัง ไม่เกินร้อยละ 3 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี และให้กระทรวงการคลังสามารถขยายระยะเวลาการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณให้สอดคล้องกับการขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณเหลื่อมปีได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการถือครองเงินสดเมื่อยังไม่มีความจำเป็นต้องเบิกจ่ายและทำให้การวางแผนการกู้เงินของรัฐบาลมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าว สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับแล้ว เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561
ในระยะต่อไป สบน. จะต้องปฏิรูปกระบวนการบริหารเงินสดของรัฐบาล โดยปรับรูปแบบและเครื่องมือการกู้เงินเพื่อบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลังตามกรอบของกฎหมายใหม่ รวมทั้งปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการประมาณการรายได้และรายจ่ายของภาครัฐ ทั้งนี้ เพื่อบริหารต้นทุนการถือเงินสดของรัฐบาลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยจะดำเนินการร่วมกับกรมบัญชีกลางและสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในรูปแบบของ “Treasury Unit” ต่อไป
สำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร 02265-8050 ต่อ 5505
--กระทรวงการคลัง--