นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560 - เมษายน 2561) ว่า รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 1,287,270 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 1,844,576 ล้านบาท รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 334,818 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 277,869 ล้านบาท
นางสาวกุลยาฯ สรุปว่า “การเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันรัฐบาลยังคงบริหารเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่เพียงพอ เพื่อรองรับการเบิกจ่ายในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ”
รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้จาก www.fpo.go.th สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร 0 2273 9020 ต่อ 3563, 3558
ในเดือนเมษายน 2561 รัฐบาลขาดดุลเงินสด จำนวน 34,096 ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุล เงินงบประมาณ จำนวน 39,015 ล้านบาท และเป็นการเกินดุลเงินนอกงบประมาณ จำนวน 4,919 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2561 มีจำนวน 277,869 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.1 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง จำนวน 207,367 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว จำนวน 46,637 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 29.0) ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บในเดือนเดียวกันปีที่แล้วบางส่วนเหลื่อมไปในเดือนพฤษภาคม 2560 และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
1.2 รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 246,382 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว จำนวน 29,211 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 13.5) โดยเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน จำนวน 236,621 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 12.6 ประกอบด้วยรายจ่ายประจำ จำนวน 211,302 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 12.2 และรายจ่ายลงทุน จำนวน 25,319 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 15.7 และการเบิกจ่ายเงินจากงบประมาณปีก่อน จำนวน 9,761 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 38.8 (ตารางที่ 1)
การเบิกจ่ายงบประมาณที่สำคัญในเดือนนี้ ได้แก่ เงินอุดหนุนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน 41,037 ล้านบาท เงินอุดหนุนของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 13,350 ล้านบาท งบลงทุนของกรมทางหลวง จำนวน 4,335 ล้านบาท และรายจ่ายชำระหนี้ของกระทรวงการคลัง จำนวน 3,403 ล้านบาท
1.3 ดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้น ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนเมษายน 2561 ขาดดุลจำนวน 39,015 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล จำนวน 4,919 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากเงินฝากคลังของกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 18,840 ล้านบาท และไถ่ถอนตั๋วเงินคลังสุทธิ จำนวน 13,321 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสด (ก่อนกู้) ขาดดุล จำนวน 34,096 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 49,410 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสด (หลังกู้ชดเชยการขาดดุล) เกินดุล จำนวน 15,314 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 277,869 ล้านบาท (ตารางที่ 2)
2.1 รายได้นำส่งคลัง รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 1,287,270 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว จำนวน 86,520 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 7.2) ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อกิจการโทรคมนาคมย่าน 1800 MHz (ใบอนุญาต 4G)และการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
2.2 รายจ่ายรัฐบาล การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 1,844,576 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว จำนวน 21,733 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.2) ประกอบด้วยรายจ่ายปีปัจจุบัน จำนวน 1,707,180 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 58.9 ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย (2,900,000 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 2.7 และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน จำนวน 137,396 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 14.1 (ตารางที่ 3)
รายจ่ายปีปัจจุบันจำนวน 1,707,180 ล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายประจำ จำนวน 1,501,047 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 65.8 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน 2,280,182 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 3.5 และรายจ่ายลงทุน จำนวน 206,133 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 33.3 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน 619,818 ล้านบาท) ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 3.2
2.3 ดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดขาดดุล จำนวน 580,707 ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ จำนวน 557,306 ล้านบาท และขาดดุลเงินนอกงบประมาณ จำนวน 23,401 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุมาจากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังสุทธิ จำนวน 26,711 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้บริหารเงินสดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงินโดยการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 334,818 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสด (หลังการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล) ขาดดุล จำนวน 245,889 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 277,869 ล้านบาท (ตารางที่ 4)
สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร 0 2273 9020 ต่อ 3563
ที่มา: กระทรวงการคลัง