สบน. จัดสัมมนาเพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารหนี้สาธารณะภายใต้กฎหมายใหม่ ให้แก่หน่วยงานกลางและหน่วยงานผู้ปฏิบัติกว่า 200 แห่ง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 19, 2018 14:31 —กระทรวงการคลัง

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กำหนดจัดโครงการสัมมนาเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารหนี้สาธารณะภายใต้กฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2561 ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจและถือปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐและร่างกฎหมายลำดับรองภายใต้กฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะได้อย่างถูกต้องเคร่งครัด โดยมีนายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ให้เกียรติเป็นประธานในการเปิดงานสัมมนา

โครงการสัมมนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561 โดยกฎหมายดังกล่าวมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลักการและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการบริหารหนี้สาธารณะ อีกทั้ง สบน. อยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายลำดับรองเพื่อกำหนดวิธีปฏิบัติในการจัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ การบริหารจัดการความเสี่ยง การติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ และการรายงานข้อมูลหนี้ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานการบริหารหนี้สาธารณะของหน่วยงานภาครัฐตามที่กฎหมายกำหนด

ในการสัมมนาดังกล่าวจะมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลังและสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะร่วมบรรยาย และมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกลาง อาทิ กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และหน่วยงานผู้ปฏิบัติ อาทิ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน กองทุนที่เป็นนิติบุคคล มหาวิทยาลัยในกำกับดูแลของรัฐ และหน่วยงานอื่นของรัฐกว่า 200 แห่ง รวมจำนวนกว่า 300 คน เข้าร่วม นับเป็นการบูรณาการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกแห่งมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐ กรอบวินัยในการบริหารหนี้สาธารณะ ตลอดจนการรายงานหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ ความเสี่ยงทางการคลัง และแนวทางในการปฏิบัติงานได้ถูกต้องตรงกัน

สำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5505,5522

ที่มา: กระทรวงการคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ