ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (High Level Event on Climate Change for Minister of Finance)
นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เปิดเผยถึงผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (High Level Event on Climate Change for Minister of Finance) เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2550 ณ เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยมี Mrs. Sri Mulyani Indrawati รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย เป็นประธาน และ Mr. Susilo Bambang YUDHOYONO ประธานาธิบดีอินโดนีเซียให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม
การประชุมดังกล่าวซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในประเด็นของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ จัดขึ้นคู่ขนานกับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 13 (The 13th Conference of Parties of the United Nations Framework of Convention on Climate Change: UNFCCC) ซึ่งประเทศอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อริเริ่มให้มีการหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้แต่ละประเทศตระหนักถึงความสำคัญของการกำหนดนโยบายและมาตรการด้านการเงินการคลังในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศที่จำเป็นต้องตระหนักถึงปัญหาของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสำคัญ ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย ประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียน G20 และ OECD จำนวน 35 ประเทศ นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารของสถาบันการเงินระหว่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง เข้าร่วมการประชุมด้วย
ในการประชุมครั้งนี้เจ้าภาพอินโดนีเซียได้กำหนดหัวข้อหลักในการประชุมเป็น 3 หัวข้อ ได้แก่ (1) Economic Magnitude and Consequences of Climate Change (2) Policy instruments for Addressing Climate Change และ (3) Common Objectives on Climate Change Finance โดยผู้แทนจากประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมได้นำเสนอถึงเหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งเสนอแนะหรือยกตัวอย่างประสบการณ์ในการใช้มาตรการทางการเงินและการคลังในรูปแบบต่างๆ เพื่อส่งเสริมการประหยัดการใช้เชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดมลพิษ รวมถึงการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ที่จะต้องพิจารณาถึงรูปแบบ ต้นทุนและแนวทางในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้แล้ว ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดนโยบายและมาตรการด้านการเงินการคลังที่จะส่งเสริมการสร้างแนวทางในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจากการพัฒนาระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ที่ประชุมได้มีความเห็นรวมกันในการที่จะกำหนดให้การแก้ไขปัญหาของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเป้าหมายร่วม (Common Objective) ที่ทุกประเทศต้องให้ความสนใจอย่างจริงจังผ่านเครื่องมือทางการเงินต่างๆ หรือ กองทุนเพื่อการพัฒนาต่างๆ ที่จะจัดตั้งขึ้นในอนาคตด้วย
ในส่วนของประเทศไทย นายฉลองภพฯ ได้ชี้แจงถึงมาตรการด้านการคลังต่างๆ ที่มีการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนที่ส่งเสริมการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ประหยัดพลังงาน หรือ Eco Car ที่มีขนาดของเครื่องยนต์เบนซินไม่เกิน 1,300 ซีซี หรือ เครื่องยนต์ดีเซลไม่เกิน 1,400 ซีซี และที่ได้มาตรฐานเครื่องยนต์ Euro 4 โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2552
ที่ประชุมได้ตกลงร่วมกันที่จะให้มีการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในลักษณะเดียวกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศต่อนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยการประชุมครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่กรุงวอร์ซอร์ ประเทศโปแลนด์ ในช่วงเดือนธันวาคม 2552
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3609
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 107/2550 14 ธันวาคม 50--
นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เปิดเผยถึงผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (High Level Event on Climate Change for Minister of Finance) เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2550 ณ เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยมี Mrs. Sri Mulyani Indrawati รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย เป็นประธาน และ Mr. Susilo Bambang YUDHOYONO ประธานาธิบดีอินโดนีเซียให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม
การประชุมดังกล่าวซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในประเด็นของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ จัดขึ้นคู่ขนานกับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 13 (The 13th Conference of Parties of the United Nations Framework of Convention on Climate Change: UNFCCC) ซึ่งประเทศอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อริเริ่มให้มีการหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้แต่ละประเทศตระหนักถึงความสำคัญของการกำหนดนโยบายและมาตรการด้านการเงินการคลังในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศที่จำเป็นต้องตระหนักถึงปัญหาของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสำคัญ ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย ประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียน G20 และ OECD จำนวน 35 ประเทศ นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารของสถาบันการเงินระหว่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง เข้าร่วมการประชุมด้วย
ในการประชุมครั้งนี้เจ้าภาพอินโดนีเซียได้กำหนดหัวข้อหลักในการประชุมเป็น 3 หัวข้อ ได้แก่ (1) Economic Magnitude and Consequences of Climate Change (2) Policy instruments for Addressing Climate Change และ (3) Common Objectives on Climate Change Finance โดยผู้แทนจากประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมได้นำเสนอถึงเหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งเสนอแนะหรือยกตัวอย่างประสบการณ์ในการใช้มาตรการทางการเงินและการคลังในรูปแบบต่างๆ เพื่อส่งเสริมการประหยัดการใช้เชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดมลพิษ รวมถึงการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ที่จะต้องพิจารณาถึงรูปแบบ ต้นทุนและแนวทางในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้แล้ว ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดนโยบายและมาตรการด้านการเงินการคลังที่จะส่งเสริมการสร้างแนวทางในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจากการพัฒนาระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ที่ประชุมได้มีความเห็นรวมกันในการที่จะกำหนดให้การแก้ไขปัญหาของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเป้าหมายร่วม (Common Objective) ที่ทุกประเทศต้องให้ความสนใจอย่างจริงจังผ่านเครื่องมือทางการเงินต่างๆ หรือ กองทุนเพื่อการพัฒนาต่างๆ ที่จะจัดตั้งขึ้นในอนาคตด้วย
ในส่วนของประเทศไทย นายฉลองภพฯ ได้ชี้แจงถึงมาตรการด้านการคลังต่างๆ ที่มีการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนที่ส่งเสริมการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ประหยัดพลังงาน หรือ Eco Car ที่มีขนาดของเครื่องยนต์เบนซินไม่เกิน 1,300 ซีซี หรือ เครื่องยนต์ดีเซลไม่เกิน 1,400 ซีซี และที่ได้มาตรฐานเครื่องยนต์ Euro 4 โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2552
ที่ประชุมได้ตกลงร่วมกันที่จะให้มีการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในลักษณะเดียวกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศต่อนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยการประชุมครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่กรุงวอร์ซอร์ ประเทศโปแลนด์ ในช่วงเดือนธันวาคม 2552
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3609
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 107/2550 14 ธันวาคม 50--