คณะรัฐมนตรีในการประชุมวันนี้ ได้อนุมัติหลักการ เรื่อง มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือสังคมและคนพิการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือสังคม ประกอบด้วย
1.1 การรวบรวมจัดทำข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ในเรื่องที่เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์และความสะดวกในการนำมาใช้ เช่น การจัดทำคู่มือประเภทรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ สำหรับมูลนิธิและสมาคมที่ต้องการยื่นขอจดทะเบียนเป็นองค์การ สถานสาธารณกุศล การจัดทำคู่มืออธิบายรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะที่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ รวมทั้ง การนำข้อมูลรายชื่อสถานพักฟื้น บำบัดและฟื้นฟูของเอกชนที่ไม่เก็บค่าใช้จ่ายและของราชการ มาเผยแพร่ในเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
1.2 การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้แก่องค์การเอกชนที่ได้รับการประกาศเป็นองค์การ สถานสาธารณกุศล ทั้งนี้ เฉพาะการโอนที่ดินไม่เกินห้าสิบไร่
1.3 การเสนอจัดตั้งหน่วยงานภายใต้กรมสรรพากร เพื่อติดตาม ดูแล กำกับ และตรวจสอบการดำเนินงานขององค์การ สถานสาธารณกุศล และมูลนิธิต่างๆ ตามประกาศกระทรวงการคลังฯ
2. มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือคนพิการ ประกอบด้วย
2.1 การลดหย่อนภาษีเงินได้ สำหรับผู้อุปการะเลี้ยงดูคนพิการที่มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้
2.2 การลดหย่อนภาษีเงินได้ สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
2.3 การหักค่าใช้จ่ายทางภาษีได้เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนที่จ่ายจริง สำหรับนายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบการซึ่งรับคนพิการเข้าทำงาน หรือส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
2.4 การหักค่าใช้จ่ายทางภาษีได้เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนที่จ่ายจริง สำหรับเจ้าของอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ บริการขนส่ง หรือผู้ให้บริการสาธารณะอื่น ซึ่งได้จัดอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกโดยเฉพาะแก่คนพิการ
นายสาธิต รังคสิริ รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากรได้กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า มาตรการทางภาษีนี้จะช่วยกระตุ้นให้คนไทยมีจิตสำนึกในการรับผิดชอบดูแลสังคมให้ดีขึ้น และช่วยปลูกจิตสำนึกให้คนในสังคมมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส นอกจากนี้ กรณีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อคอยกำกับดูแลในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ จะทำให้สังคมได้รับประโยชน์ในเรื่องการบริจาคอย่างแท้จริงและไม่เป็นช่องทางในการหลบเลี่ยงภาษี
ส่วนเรื่องผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐนั้น คาดว่าจะมีผลต่อการจัดเก็บภาษีไม่มากนัก อย่างไรก็ดีมาตรการนี้จะมีส่วนช่วยลดภาระงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลได้อีกทางหนึ่งด้วย
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 109/2550 18 ธันวาคม 50--
สำนักแผนภาษี กรมสรรพากร
โทร. 0-2272-9479
1. มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือสังคม ประกอบด้วย
1.1 การรวบรวมจัดทำข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ในเรื่องที่เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์และความสะดวกในการนำมาใช้ เช่น การจัดทำคู่มือประเภทรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ สำหรับมูลนิธิและสมาคมที่ต้องการยื่นขอจดทะเบียนเป็นองค์การ สถานสาธารณกุศล การจัดทำคู่มืออธิบายรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะที่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ รวมทั้ง การนำข้อมูลรายชื่อสถานพักฟื้น บำบัดและฟื้นฟูของเอกชนที่ไม่เก็บค่าใช้จ่ายและของราชการ มาเผยแพร่ในเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
1.2 การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่มีค่าตอบแทน ให้แก่องค์การเอกชนที่ได้รับการประกาศเป็นองค์การ สถานสาธารณกุศล ทั้งนี้ เฉพาะการโอนที่ดินไม่เกินห้าสิบไร่
1.3 การเสนอจัดตั้งหน่วยงานภายใต้กรมสรรพากร เพื่อติดตาม ดูแล กำกับ และตรวจสอบการดำเนินงานขององค์การ สถานสาธารณกุศล และมูลนิธิต่างๆ ตามประกาศกระทรวงการคลังฯ
2. มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือคนพิการ ประกอบด้วย
2.1 การลดหย่อนภาษีเงินได้ สำหรับผู้อุปการะเลี้ยงดูคนพิการที่มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้
2.2 การลดหย่อนภาษีเงินได้ สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
2.3 การหักค่าใช้จ่ายทางภาษีได้เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนที่จ่ายจริง สำหรับนายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบการซึ่งรับคนพิการเข้าทำงาน หรือส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
2.4 การหักค่าใช้จ่ายทางภาษีได้เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนที่จ่ายจริง สำหรับเจ้าของอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ บริการขนส่ง หรือผู้ให้บริการสาธารณะอื่น ซึ่งได้จัดอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกโดยเฉพาะแก่คนพิการ
นายสาธิต รังคสิริ รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากรได้กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า มาตรการทางภาษีนี้จะช่วยกระตุ้นให้คนไทยมีจิตสำนึกในการรับผิดชอบดูแลสังคมให้ดีขึ้น และช่วยปลูกจิตสำนึกให้คนในสังคมมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส นอกจากนี้ กรณีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อคอยกำกับดูแลในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ จะทำให้สังคมได้รับประโยชน์ในเรื่องการบริจาคอย่างแท้จริงและไม่เป็นช่องทางในการหลบเลี่ยงภาษี
ส่วนเรื่องผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐนั้น คาดว่าจะมีผลต่อการจัดเก็บภาษีไม่มากนัก อย่างไรก็ดีมาตรการนี้จะมีส่วนช่วยลดภาระงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลได้อีกทางหนึ่งด้วย
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 109/2550 18 ธันวาคม 50--
สำนักแผนภาษี กรมสรรพากร
โทร. 0-2272-9479