นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ศาตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายสมภพ รอดกลาง ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบโดยองค์กรการเงินชุมชน ณ ศูนย์เรียนรู้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ธ.ก.ส. บ้านพะงุ้น (ศูนย์เรียนรู้ฯ) ตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ซึ่งในอดีตสมาชิกในชุมชนมีปัญหาหนี้นอกระบบและหนี้ในระบบ เนื่องจากพื้นที่ทำกินถูกน้ำท่วมทุกปี การประกอบอาชีพจึงไม่ต่อเนื่องและมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้มีครัวเรือนที่ยากจนและไม่ผ่านเกณฑ์ จปฐ. จำนวนหนึ่ง ดังนั้นผู้นำชุมชนจึงได้มุ่งมั่นประกอบอาชีพเสริม เช่น ปลูกผักพื้นบ้านและเลี้ยงหมูหลุม ปฏิบัติตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จัดทำบัญชีครัวเรือน และจัดตั้งกลุ่มการเงินในชุมชน (กลุ่มออมทรัพย์และกลุ่มออมวันละบาท) เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนเสริมสำหรับใช้ประกอบอาชีพ จนปัจจุบันสมาชิกในชุมชนพะงุ้นมีรายได้จากการประกอบอาชีพเสริม เฉลี่ยครัวเรือนละ 6,500 บาทต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ จปฐ. และไม่มีปัญหาหนี้นอกระบบ
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิด “โรงเรียนธนาคารต้นไม้บ้านพะงุ้น” ซึ่งเป็นโรงเรียนธนาคารต้นไม้แห่งแรกของประเทศไทย โดย ธ.ก.ส. ได้เข้าไปส่งเสริมให้ชาวชุมชนพะงุ้นปลูกต้นไม้ในที่ดินของตนแล้วนำมาขึ้นทะเบียนต้นไม้ไว้กับธนาคารต้นไม้ โดยจะมีการประเมินมูลค่าต้นไม้แต่ละชนิดเพื่อใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินกับสถาบันการเงินชุมชนในเครือข่ายของ ธ.ก.ส. หรือจาก ธ.ก.ส. ได้ในอนาคต นอกจากนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังยังได้มอบสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรและกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ประกอบด้วย สินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน 5 ราย สินเชื่อเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของเกษตรและบุคคลในครัวเรือน 1 ราย และสินเชื่อยกระดับปรับเปลี่ยนการผลิตเพื่อพัฒนาอาชีพผู้มีรายได้น้อย (XYZ) 1 กลุ่ม ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวเน้นย้ำถึงเจตนารมย์ของรัฐบาลซึ่งได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประชาชน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและการแก้ไขปัญหาความยากจนผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และถุงเงินประชารัฐ เป็นต้น รวมถึงได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสินเร่งสร้างชุมชนทั่วประเทศให้มีความเข้มแข็งในด้านการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและการพัฒนาอาชีพเสริม ผ่านการสนับสนุนความรู้และผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสม และมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ขยายผลโครงการธนาคารต้นไม้ให้แพร่หลายเนื่องจากสามารถสร้างประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อชุมชนจากการมีต้นไม้เป็นหลักประกันสินเชื่อและเป็นเงินออมรูปแบบใหม่ ซึ่งการอาศัยกลไกชุมชนและองค์กรการเงินชุมชนเข้ามามีบทบาทร่วมกับภาครัฐจะช่วยสนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาลและการยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้มีรายได้น้อยให้เกิดผลอย่างครอบคลุมทั่วถึง มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังได้มอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบโดยองค์กรการเงินชุมชนของธนาคารออมสิน จำนวน 2 กิจกรรม ประกอบด้วย (1) กิจกรรมการตรวจเยี่ยมสถาบันการเงินชุมชนบางหมาก ตำบลบางหมาก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชุมชนต้นแบบที่มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ มีกลไกในการช่วยเหลือสมาชิกแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยธนาคารออมสินได้เข้าไปเป็นพี่เลี้ยงในการสนับสนุนเพิ่มเติมองค์ความรู้ต่าง ๆ รวมทั้งให้สินเชื่อแก่กลุ่มเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งปัจจุบันสถาบันฯ สามารถช่วยเหลือสมาชิกแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบไปแล้ว 50 ราย เป็นเงิน 2.45 ล้านบาท และ (2) การประชุมเชิงปฏิบัติการพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบโดยองค์กรการเงินชุมชน ณ โรงแรมชุมพรการ์เดนส์ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร โดยมีผู้แทนองค์กรการเงินชุมชนในเครือข่ายของธนาคารออมสินในเขตจังหวัดชุมพรและจังหวัดใกล้เคียง จำนวน 15 แห่ง เข้าร่วมระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิควิธีการ ความสำเร็จ และปัญหาอุปสรรคของการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในชุมชนของตน เพื่อพัฒนาแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบโดยองค์กรการเงินชุมชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทรศัพท์สายด่วน 1359
ที่มา: กระทรวงการคลัง