“เศรษฐกิจไทยในเดือนสิงหาคม ปี 2561 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะจากการบริโภคสะท้อนจากการขยายตัวต่อเนื่องของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 70.2 ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 43 เดือน สำหรับเศรษฐกิจไทยด้านการผลิตยังคงขยายตัวได้ดีในภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวต่อเนื่องและเป็นฐานการขับเคลื่อนการบริโภคที่สำคัญ”
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง พร้อมด้วยนายศรพล ตุลยะเสถียร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนสิงหาคม ปี 2561 ว่า “เศรษฐกิจไทยในเดือนสิงหาคม ปี 2561 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะจากการบริโภคสะท้อนจากการขยายตัวต่อเนื่องของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 70.2 ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 43 เดือน สำหรับเศรษฐกิจไทยด้านการผลิตยังคงขยายตัวได้ดีในภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวต่อเนื่องและเป็นฐานการขับเคลื่อนการบริโภคที่สำคัญ” โดยมีรายละเอียดสรุป ได้ดังนี้
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ดี สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนสิงหาคม 2561 ที่ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 27.2 ต่อปี โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากงาน Big Motor Sale 2018 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 26 สิงหาคม 2561 และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือนสิงหาคม 2561 กลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ที่ร้อยละ 3.9 ต่อปี สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในเดือนสิงหาคม 2561 ขยายตัวร้อยละ 1.7 ต่อปีนอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ในเดือนสิงหาคม 2561 อยู่ที่ระดับ 70.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และเป็นการปรับตัวสูงสุดในรอบ 43 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในสถานการณ์เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ขณะทีรายได้เกษตรกรที่แท้จริงในเดือนสิงหาคม 2561 ขยายตัวร้อยละ 3.4 ต่อปี
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนในเดือนสิงหาคม 2561 ขยายตัวจากการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ขยายตัวร้อยละ 28.1 ต่อปี เนื่องจากยอดจำหน่ายรถกระบะขนาด 1 ตัน ขยายตัวร้อยละ 23.7 ต่อปี สำหรับการลงทุนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ขยายตัวร้อยละ 7.3 ต่อปี และดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ขยายตัวร้อยละ 3.3 ต่อปี ขณะที่ภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าในระดับสูงที่ร้อยละ 23.3 ต่อปี อุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือนสิงหาคม 2561 มีมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 6.7 ต่อปี และเป็น การขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 โดยเป็นการขยายตัวได้ดีในตลาดสำคัญ เช่น มาเลเซีย ASEAN-5 CLMV อินเดีย เป็นต้น ทั้งนี้ สินค้าที่สนับสนุนการส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูป ที่ขยายตัวร้อยละ 11.2 และ 11.1 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับมูลค่า
การนำเข้าสินค้ามีมูลค่า 23.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 22.8 ต่อปี โดยสินค้านำเข้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ วัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เชื้อเพลิง และสินค้าทุนหักเครื่องบิน เรือ รถไฟ ทั้งนี้ ผลของมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่สูงกว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนสิงหาคม 2561 ขาดดุลจำนวน 588 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนการฟื้นตัวของการผลิตภายในประเทศที่ทำให้มีการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทานในเดือนสิงหาคม 2561 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 8.1 ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวได้ดีในหมวดพืชผลสำคัญ และหมวดปศุสัตว์ ที่ขยายตัวร้อยละ 14.0 และ 1.4 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) อยู่ที่ระดับ 92.5 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย โดยความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่ปรับตัวลดลงจากยอดคำสั่งซื้อที่ลดลง ประกอบกับในเดือนสิงหาคมมีฝนตกต่อเนื่องและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้กระทบต่อกำลังซื้อในส่วนภูมิภาคให้ยอดขายชะลอตัว นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2561 มีจำนวน 3.23 ล้านคน ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี โดยนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีมาจากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เป็นสำคัญ โดยเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 38 เดือน ในขณะที่ นักท่องเที่ยวประเทศอื่นยังคงขยายตัวได้ดี เช่น นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง ญี่ปุ่น อินเดีย และเวียดนาม เป็นต้น สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวต่างประเทศมูลค่า 168.0 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.8 ต่อปี
เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพภายนอกอยู่ในระดับที่มั่นคง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนสิงหาคม 2561 อยู่ที่ร้อยละ 1.6 ต่อปี เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.8 ต่อปี สำหรับอัตราการว่างงานในเดือนสิงหาคม 2561 อยู่ที่ร้อยละ 1.0 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 4.0 แสนคน ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2561 อยู่ที่ร้อยละ 40.9 ต่อ GDP ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งเพดานไว้ไม่เกินร้อยละ 60 ต่อ GDP ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖1 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ เดือนสิงหาคม 2561 อยู่ที่ระดับ 204.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3.5 เท่า
“เศรษฐกิจไทยในเดือนสิงหาคม ปี 2561 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะจากการบริโภคสะท้อนจากการขยายตัวต่อเนื่องของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 70.2 ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 43 เดือน สำหรับเศรษฐกิจไทยด้านการผลิตยังคงขยายตัวได้ดีในภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวต่อเนื่องและเป็นฐานการขับเคลื่อนการบริโภคที่สำคัญ”
1. เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ดี สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนสิงหาคม 2561 ที่ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 27.2 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 3.4 ต่อเดือน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากงาน Big Motor Sale 2018 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 26 สิงหาคม 2561 และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือนสิงหาคม 2561 กลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ที่ร้อยละ 3.9 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 2.1 ต่อเดือน สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในเดือนสิงหาคม 2561 ขยายตัวร้อยละ 1.7 ต่อปี แต่เมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า หดตัวร้อยละ -2.4 ต่อเดือน นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ในเดือนสิงหาคม 2561 อยู่ที่ระดับ 70.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และเป็นการปรับตัวสูงสุดในรอบ 43 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในสถานการณ์เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ขณะทีรายได้เกษตรกรที่แท้จริงในเดือนสิงหาคม 2561 ขยายตัวร้อยละ 3.4 ต่อปี
2. เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวจากการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม 2561 ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 28.1 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 0.9 ต่อเดือน เนื่องจากยอดจำหน่ายรถกระบะขนาด 1 ตัน ขยายตัวร้อยละ 23.7 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 0.9 ต่อเดือน สำหรับการลงทุนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนสิงหาคม 2561 ขยายตัวที่ร้อยละ 23.3 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 7.8 ต่อเดือน ขณะที่ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศในเดือนสิงหาคม 2561 ขยายตัวที่ร้อยละ 7.3 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 1.1 ต่อเดือน สำหรับดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ในเดือนสิงหาคม 2561 เท่ากับ 109.2 คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 3.3 ต่อปี และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กที่สูงขึ้นร้อยละ 9.1
3. การใช้จ่ายงบประมาณ สะท้อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณรวม ในเดือนสิงหาคม 2561 เบิกจ่ายได้จำนวน 179.0 พันล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายงบประมาณปีปัจจุบันจำนวน 167.0 พันล้านบาท แบ่งเป็นการเบิกจ่ายประจำ 134.0 พันล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 33.0 พันล้านบาท และเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 12.0 พันล้านบาท ทำให้ในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 มีการเบิกจ่ายงบประมาณปีปัจจุบันจำนวน 2,535.8 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 2,204.5 พันล้านบาท รายจ่ายลงทุน 331.3 พันล้านบาท และเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 192.8 พันล้านบาท
4. อุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือนสิงหาคม 2561 มีมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 6.7 ต่อปี และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 โดยเป็นการขยายตัวได้ดีในตลาดสำคัญ เช่น มาเลเซีย ASEAN-5 CLMV อินเดีย เป็นต้น ทั้งนี้ สินค้าที่สนับสนุนการส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูป ที่ขยายตัวร้อยละ 11.2 และ 11.1 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับมูลค่า การนำเข้าสินค้ามีมูลค่า 23.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 22.8 ต่อปี โดยสินค้านำเข้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ วัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เชื้อเพลิง และสินค้าทุนหักเครื่องบิน เรือ รถไฟ ทั้งนี้ ผลของมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่สูงกว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนสิงหาคม 2561 ขาดดุลจำนวน 588 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
5. เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทานในเดือนสิงหาคม 2561 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 8.1 ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวได้ดีในหมวดพืชผลสำคัญ และหมวดปศุสัตว์ ที่ขยายตัวร้อยละ 14.0 และ 1.4 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) อยู่ที่ระดับ 92.5 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย โดยความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่ปรับตัวลดลงจากยอดคำสั่งซื้อที่ลดลง นอกจากนี้ในเดือนสิงหาคมมีฝนตกต่อเนื่องและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้กระทบต่อกำลังซื้อในส่วนภูมิภาคให้ยอดขายชะลอตัว นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2561 มีจำนวน 3.23 ล้านคน ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 1.8 ต่อเดือน โดยนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีมาจากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เป็นสำคัญ โดยเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 38 เดือน ในขณะที่ นักท่องเที่ยวประเทศอื่นยังคงขยายตัวได้ดี เช่น นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง ญี่ปุ่น อินเดีย และเวียดนาม เป็นต้น สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวต่างประเทศมูลค่า 168.0 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.8 ต่อปี
6. เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพภายนอกอยู่ในระดับที่มั่นคง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนสิงหาคม 2561 อยู่ที่ร้อยละ 1.6 ต่อปี เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกัน โดยมีสาเหตุจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และราคาอาหารสดกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.8 ต่อปี สำหรับอัตราการว่างงานในเดือนสิงหาคม 2561 อยู่ที่ร้อยละ 1.0 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 4.0 แสนคน ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2561 อยู่ที่ร้อยละ 40.9 ต่อ GDP ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งเพดานไว้ไม่เกินร้อยละ 60 ต่อ GDP ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ เดือนสิงหาคม 2561 อยู่ที่ระดับ 204.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3.5 เท่า
ฉบับที่ 59/2561
วันที่ 27 กันยายน 2561
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง