นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 5,577 ล้านบาท และในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม -ธันวาคม 2550) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ 2,933 ล้านบาท สรุปได้ดังนี้
1. เดือนธันวาคม 2550 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 93,210 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ ตามเอกสารงบประมาณ 5,577 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.6 (ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.7) เนื่องจากจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,588 ล้านบาทหรือร้อยละ 27.7 ซึ่งเป็นผลจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งทุกประเภทที่สามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 (E 20) ลงร้อยละ 5 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 ทำให้รถยนต์นั่งประเภทดังกล่าวมีราคาลดลง จึงส่งผลให้ประชาชนชะลอการซื้อรถยนต์นั่งเพื่อรอรถยนต์ในราคาใหม่ นอกจากนี้รัฐวิสาหกิจและส่วนราชการอื่นยังนำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ 2,871 และ 1,080 ล้านบาท หรือร้อยละ 58.7 และ 34.0 ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ในเดือนธันวาคมนี้ ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 1,820 ล้านบาทหรือร้อยละ 16.0 เป็นผลจากบริษัทต่างชาติส่งค่าบริการและจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศมากขึ้นเนื่องจากได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า
2. ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม — ธันวาคม 2550) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 324,946 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 2,933 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.9 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 8.1) เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมในสังกัดกระทรวงการคลังที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย
ผลการจัดเก็บรายได้แยกตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้
2.1 กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 230,776 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 5,721 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.5 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 10.0) ภาษีที่เก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม โดยจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 6,462 และ 1,351 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.7 และ 135.1 ตามลำดับ (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 13.5 และ 4.8 ตามลำดับ) เนื่องจากบริษัทต่างชาติส่งค่าบริการและจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศมากขึ้นเพราะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 9.5 ซึ่งเป็นผลจากการบริโภคที่ยังมีการขยายตัวในเกณฑ์ดี รวมทั้งเป็นผลจากราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดีภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,279 และ 948 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.2 และ 2.2 ตามลำดับ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้อยู่ในระดับที่ต่ำ
2.2 กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 71,014 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 927 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.3 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 4.4 แต่ถ้าหักรายได้จากภาษีกิจการโทรคมนาคมของปีที่แล้วออก จะทำให้ในปีนี้จัดเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.6) ทั้งนี้ ภาษีเกือบทุกประเภทจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ ที่สำคัญได้แก่ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จัดเก็บได้ต่ำกว่า
ประมาณการ 890 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.8 เนื่องจากในช่วงนี้ประชาชนได้ชะลอการซื้อรถยนต์นั่งใหม่เพื่อรอรถยนต์นั่งที่สามารถเติมน้ำมัน E20 ที่มีอัตราภาษีที่ลดลง แต่อย่างไรก็ดี ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ยังสามารถจัดเก็บได้สูงกว่าปีที่แล้วร้อยละ 3.2 ส่วนภาษีสุราจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 874 ล้านบาทหรือร้อยละ 9.2 เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากการที่ปีงบประมาณที่แล้วมีการชำระภาษีไว้ในจำนวนค่อนข้างสูงอยู่
2.3 กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 24,847 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 1,477 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.3 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 7.0) เนื่องจากอากร ขาเข้ายังคงจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 1,348 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.9 เนื่องจากมูลค่านำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐขยายตัวกว่าร้อยละ 19 และมูลค่านำเข้าในรูปบาทขยายตัวเกือบร้อยละ 9.0 ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วติดลบ
2.4 รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 29,734 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 2,710 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.4 (แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 11.9) เนื่องจากรัฐวิสาหกิจบางแห่งยังไม่ได้นำส่งรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
2.5 หน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 17,034 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 2,816 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.2 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 9.2) เป็นผลจากค่าภาคหลวงปิโตรเลียมจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
3. คาดการณ์รายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2551
จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 ที่ยังสูงกว่าเป้าหมาย 2,933 ล้านบาท และทิศทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นภายหลังจากการตั้งรัฐบาลได้แล้ว กระทรวงการคลังคาดว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2551 นี้ จะยังอยู่ในวิสัยที่น่าจะจัดเก็บได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในเอกสารงบประมาณ (1.495 ล้านล้านบาท) อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เช่น ราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท และภาวะเศรษฐกิจโลก เป็นต้น
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 1/2551 8 มกราคม 51--
1. เดือนธันวาคม 2550 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 93,210 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ ตามเอกสารงบประมาณ 5,577 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.6 (ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.7) เนื่องจากจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,588 ล้านบาทหรือร้อยละ 27.7 ซึ่งเป็นผลจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งทุกประเภทที่สามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 (E 20) ลงร้อยละ 5 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 ทำให้รถยนต์นั่งประเภทดังกล่าวมีราคาลดลง จึงส่งผลให้ประชาชนชะลอการซื้อรถยนต์นั่งเพื่อรอรถยนต์ในราคาใหม่ นอกจากนี้รัฐวิสาหกิจและส่วนราชการอื่นยังนำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ 2,871 และ 1,080 ล้านบาท หรือร้อยละ 58.7 และ 34.0 ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ในเดือนธันวาคมนี้ ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 1,820 ล้านบาทหรือร้อยละ 16.0 เป็นผลจากบริษัทต่างชาติส่งค่าบริการและจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศมากขึ้นเนื่องจากได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า
2. ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม — ธันวาคม 2550) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 324,946 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 2,933 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.9 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 8.1) เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมในสังกัดกระทรวงการคลังที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย
ผลการจัดเก็บรายได้แยกตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้
2.1 กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 230,776 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 5,721 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.5 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 10.0) ภาษีที่เก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม โดยจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 6,462 และ 1,351 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.7 และ 135.1 ตามลำดับ (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 13.5 และ 4.8 ตามลำดับ) เนื่องจากบริษัทต่างชาติส่งค่าบริการและจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศมากขึ้นเพราะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 9.5 ซึ่งเป็นผลจากการบริโภคที่ยังมีการขยายตัวในเกณฑ์ดี รวมทั้งเป็นผลจากราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดีภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,279 และ 948 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.2 และ 2.2 ตามลำดับ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้อยู่ในระดับที่ต่ำ
2.2 กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 71,014 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 927 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.3 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 4.4 แต่ถ้าหักรายได้จากภาษีกิจการโทรคมนาคมของปีที่แล้วออก จะทำให้ในปีนี้จัดเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.6) ทั้งนี้ ภาษีเกือบทุกประเภทจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ ที่สำคัญได้แก่ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จัดเก็บได้ต่ำกว่า
ประมาณการ 890 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.8 เนื่องจากในช่วงนี้ประชาชนได้ชะลอการซื้อรถยนต์นั่งใหม่เพื่อรอรถยนต์นั่งที่สามารถเติมน้ำมัน E20 ที่มีอัตราภาษีที่ลดลง แต่อย่างไรก็ดี ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ยังสามารถจัดเก็บได้สูงกว่าปีที่แล้วร้อยละ 3.2 ส่วนภาษีสุราจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 874 ล้านบาทหรือร้อยละ 9.2 เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากการที่ปีงบประมาณที่แล้วมีการชำระภาษีไว้ในจำนวนค่อนข้างสูงอยู่
2.3 กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 24,847 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 1,477 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.3 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 7.0) เนื่องจากอากร ขาเข้ายังคงจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 1,348 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.9 เนื่องจากมูลค่านำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐขยายตัวกว่าร้อยละ 19 และมูลค่านำเข้าในรูปบาทขยายตัวเกือบร้อยละ 9.0 ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วติดลบ
2.4 รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 29,734 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 2,710 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.4 (แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 11.9) เนื่องจากรัฐวิสาหกิจบางแห่งยังไม่ได้นำส่งรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
2.5 หน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 17,034 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 2,816 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14.2 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 9.2) เป็นผลจากค่าภาคหลวงปิโตรเลียมจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
3. คาดการณ์รายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2551
จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 ที่ยังสูงกว่าเป้าหมาย 2,933 ล้านบาท และทิศทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นภายหลังจากการตั้งรัฐบาลได้แล้ว กระทรวงการคลังคาดว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2551 นี้ จะยังอยู่ในวิสัยที่น่าจะจัดเก็บได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในเอกสารงบประมาณ (1.495 ล้านล้านบาท) อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เช่น ราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท และภาวะเศรษฐกิจโลก เป็นต้น
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 1/2551 8 มกราคม 51--