นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี และโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2562 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวนาปีและผู้เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอทั้งนี้ โครงการประกันภัยทั้ง 2 โครงการ มีรายละเอียด ดังนี้
1. โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 มีการพัฒนาจากโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2561 ที่สำคัญ 3 ประการ คือ (1) โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 ได้เพิ่มความคุ้มครอง “ภัยช้างป่า” ทำให้สามารถคุ้มครองความเสี่ยงภัยให้กับเกษตรกรได้ถึง 8 ประเภท จากเดิมที่ครอบคลุมเฉพาะท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยแมลงศัตรูพืชหรือโรคระบาด (2) โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 มีอัตราค่าเบี้ยประกันภัย 85 บาทต่อไร่ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์) ลดลงจากโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2561 ที่มีอัตราค่าเบี้ยประกันภัย 90 บาทต่อไร่ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์) และ (3) โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 มีหลักการให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยโดยสามารถซื้อหรือทำประกันภัยเพิ่มเติม (ส่วนที่ 2 หรือ Tier 2) เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองมากขึ้นจากส่วนที่ภาครัฐให้การอุดหนุน (ส่วนที่ 1 หรือ Tier 1) ทั้งนี้ สามารถสรุปหลักการและรายละเอียดของการรับประกันภัยโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562
2. โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2562 เป็นปีแรกในการดำเนินโครงการประกันภัยให้แก่เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยมีประเภทภัยที่ได้รับความคุ้มครอง มีการอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยของภาครัฐ และมีหลักการให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยโดยสามารถซื้อหรือทำประกันภัยเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองมากขึ้นในรูปแบบเดียวกันกับโครงการประกันภัยข้าวนาปี ทั้งนี้ สามารถสรุปหลักการและรายละเอียดของการรับประกันภัยโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2562
โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 และโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2562 สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีหลังได้รับการอนุมัติโดยมติคณะรัฐมนตรี
สำนักนโยบายระบบการคุ้มครองผลประโยชน์ทางการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3691
ที่มา: กระทรวงการคลัง