นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยฐานะการคลังเบื้องต้นตามระบบ สศค. (ระบบ Government Finance Statistics: GFS) ในไตรมาสแรก (ตุลาคม — ธันวาคม 2550) ประจำปีงบประมาณ 2551 สรุปได้ว่า
ในไตรมาสแรกรัฐบาลขาดดุลการคลังทั้งสิ้น 87,480 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.0 ของ GDP โดยขาดดุลเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 69,240 ล้านบาท การขาดดุลการคลังที่เพิ่มขึ้นมาก เป็นผลจากการขยายตัวของรายจ่ายรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 38.4 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เจริญเติบโตในระดับร้อยละ 5.0 ในปี 2551 โดยรายละเอียดของฐานะการคลังตามระบบ สศค. มีดังนี้
1. รัฐบาลมีรายได้รวม 328,028 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 3.6 ของ GDP) เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 โดยรายได้ภาษีที่จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนในอัตราสูงได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2. ในขณะที่รัฐบาลมีรายจ่ายทั้งสิ้น 391,685 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 4.3 ของ GDP) เพิ่มขึ้น 108,752 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีรายจ่ายทั้งสิ้น 282,933 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 3.4 ของ GDP) โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องจากปี 2550 พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลบังคับใช้ล่าช้า
3. ผลจากการที่รายจ่ายรัฐบาลสูงกว่ารายได้ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในไตรมาสแรกขาดดุล 63,657 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 21,225 ล้านบาท
4. รายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ (Project Loans) มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 74 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 205 ล้านบาท เบิกจ่ายลดลง 131 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 63.8 เนื่องจากยังไม่มีการเบิกจ่ายในส่วนของเงินกู้ Structural Adjustment Loans (SAL)
5. ดุลบัญชีนอกงบประมาณ (ประกอบด้วยกองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณ) ในช่วงไตรมาสแรกขาดดุล 23,749 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่ ขาดดุล 39,261 ล้านบาท เนื่องจากการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กองทุนขนาดใหญ่หลาย กองทุน เช่น กองทุนหลักประกันสุขภาพ และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นต้น
6. เมื่อรวมดุลงบประมาณและดุลบัญชีนอกงบประมาณโดยหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 74 ล้านบาทออกแล้ว ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลขาดดุลทั้งสิ้น 87,480 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.0 ของ GDP ) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 18,240 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของ GDP)
7. สำหรับดุลการคลังเบื้องต้นของรัฐบาล (Primary Balance) ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 ขาดดุลทั้งสิ้น 71,431 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 2 ล้านบาท
สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
(02) 273-9020 ต่อ 3558 / 3555
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 7/2551 30 มกราคม 51--
ในไตรมาสแรกรัฐบาลขาดดุลการคลังทั้งสิ้น 87,480 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.0 ของ GDP โดยขาดดุลเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 69,240 ล้านบาท การขาดดุลการคลังที่เพิ่มขึ้นมาก เป็นผลจากการขยายตัวของรายจ่ายรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 38.4 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เจริญเติบโตในระดับร้อยละ 5.0 ในปี 2551 โดยรายละเอียดของฐานะการคลังตามระบบ สศค. มีดังนี้
1. รัฐบาลมีรายได้รวม 328,028 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 3.6 ของ GDP) เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 โดยรายได้ภาษีที่จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนในอัตราสูงได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2. ในขณะที่รัฐบาลมีรายจ่ายทั้งสิ้น 391,685 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 4.3 ของ GDP) เพิ่มขึ้น 108,752 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีรายจ่ายทั้งสิ้น 282,933 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 3.4 ของ GDP) โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องจากปี 2550 พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลบังคับใช้ล่าช้า
3. ผลจากการที่รายจ่ายรัฐบาลสูงกว่ารายได้ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในไตรมาสแรกขาดดุล 63,657 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 21,225 ล้านบาท
4. รายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ (Project Loans) มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 74 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 205 ล้านบาท เบิกจ่ายลดลง 131 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 63.8 เนื่องจากยังไม่มีการเบิกจ่ายในส่วนของเงินกู้ Structural Adjustment Loans (SAL)
5. ดุลบัญชีนอกงบประมาณ (ประกอบด้วยกองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณ) ในช่วงไตรมาสแรกขาดดุล 23,749 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่ ขาดดุล 39,261 ล้านบาท เนื่องจากการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กองทุนขนาดใหญ่หลาย กองทุน เช่น กองทุนหลักประกันสุขภาพ และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นต้น
6. เมื่อรวมดุลงบประมาณและดุลบัญชีนอกงบประมาณโดยหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 74 ล้านบาทออกแล้ว ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลขาดดุลทั้งสิ้น 87,480 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.0 ของ GDP ) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 18,240 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของ GDP)
7. สำหรับดุลการคลังเบื้องต้นของรัฐบาล (Primary Balance) ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2551 ขาดดุลทั้งสิ้น 71,431 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 2 ล้านบาท
สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
(02) 273-9020 ต่อ 3558 / 3555
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 7/2551 30 มกราคม 51--