นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าคณะกรรมการพัฒนาระบบสถาบันการเงินประชาชน (คณะกรรมการฯ) ได้มีการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 และได้ออกประกาศจำนวน 7 ฉบับ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานสำหรับธนาคารผู้ประสานงานและสถาบันการเงินประชาชนเพื่อให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. 2562
ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 และมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562
เป็นต้นมา ประกาศคณะกรรมการฯ จำนวน 7 ฉบับดังกล่าวมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. กำหนดให้ธนาคารผู้ประสานงานจัดทำรายงานการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวกับสถาบันการเงินประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบเป็นรายไตรมาส และส่งรายงานดังกล่าวให้นายทะเบียนสถาบันการเงินประชาชน (นายทะเบียนฯ) เพื่อเสนอให้คณะกรรมการฯ ทราบ
2. กำหนดให้ธนาคารผู้ประสานงานประมวลผลข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการทางการเงินและข้อมูลทั่วไปของสถาบันการเงินประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นประจำทุกเดือน และจัดทำระบบฐานข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของนายทะเบียนฯ
3. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้สถาบันการเงินประชาชนถือปฏิบัติในการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้รายใหญ่ การดำรงเงินกองทุน การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง การจัดชั้นสินทรัพย์และการกันเงินสำรอง และการดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อเงินกองทุน
นอกจากนี้ รองโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะนายทะเบียนฯ ได้ออกประกาศเพื่อกำหนดแบบคำขอ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นสถาบันการเงินประชาชน รวมถึงประกาศเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการมอบอำนาจของสมาชิกสถาบันการเงินประชาชนในการประชุมใหญ่ และการจัดทำทะเบียนสมาชิกและทะเบียนหุ้นของสถาบันการเงินประชาชน ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 และมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นมา โดยองค์กรการเงินชุมชนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายและสนใจจะจดเบียนเป็นสถาบันการเงินประชาชนสามารถติดต่อธนาคารผู้ประสานงาน (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารออมสิน) เพื่อยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นสถาบันการเงินประชาชนได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0-2169-7127 ถึง 36 ต่อ 131
ที่มา: กระทรวงการคลัง