นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้แถลงข่าวการจัดงานการสัมมนาวิชาการเวทีสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (FPO Forum) ภายใต้โครงการขยายบทบาทสำนักงานเศรษฐกิจการคลังสู่ภูมิภาค ณ จังหวัดกระบี่ ในวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2551 โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
การสัมมนาดังกล่าวได้แบ่งหัวข้อสัมมนาออกเป็น 2 ภาค โดยในภาคเช้า เป็นปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2551” และเป็นการสัมมนาหัวข้อ “แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและผลกระทบต่อจังหวัดกระบี่” สำหรับภาคบ่ายเป็นการสัมมนาในหัวข้อ “เอ็กซเรย์เงินเงินทองทอง” ในประเด็นประชาชนและสถาบันการเงินเดินไปพร้อมกันได้อย่างไร และดูแลเงินฝากอย่างไรกับรูปแบบการคุ้มครองเงินฝากใหม่
ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2551” ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้กล่าวว่าในปี 2550 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.8 ต่อปี จากที่ขยายตัวร้อยละ 5.1 ต่อปี ในปี 2549 เนื่องจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีการชะลอตัว โดยมีปัจจัยหลักจากการขาดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนทั้งภายในและนอกประเทศอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าและบริการที่ยังขยายตัวดี รวมถึงการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐผ่านการบริโภคและการลงทุน ช่วยพยุงเศรษฐกิจโดยรวมไม่ให้ชะลอตัวลงมากนัก สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2551 สศค. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2551 จะขยายตัวที่ร้อยละ 4.5-5.5 ต่อปี โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจาก การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น และนโยบายการคลังแบบขาดดุลรวมถึงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยอาจเผชิญปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศที่สำคัญ อันได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูงและค่าเงินบาทที่ผันผวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางลบต่อหลายภาคการผลิตในจังหวัดกระบี่ เช่น ภาคการท่องเที่ยว ภาคการประมง ภาคการขนส่ง และภาคเกษตรกรรม
ในการสัมมนาในหัวข้อ “แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและผลกระทบต่อจังหวัดกระบี่” นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดกระบี่ ได้เสนอนโยบายในการรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกต่อจังหวัดกระบี่ประกอบด้วย 1) มาตรการในภาค การท่องเที่ยว ได้แก่ ขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง ส่งเสริมการท่องเที่ยวนอกฤดูกาล และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ 2) มาตรการในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้แก่ ส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริมให้ภาคเอกชนเปิดตลาดคู่ค้าใหม่ สนับสนุนงานวิจัยเพื่อลดต้นทุนการผลิตและส่งเสริมให้มีผลผลิตต่อไร่สูง 3) มาตรการในภาคการค้าและการลงทุน ได้แก่ พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งแก่ธุรกิจ SME รวมถึงพัฒนาช่องทางในการเข้าถึงเงินทุนให้แก่ SME ส่งเสริมให้มีการรวมตัวในกลุ่มธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และสนับสนุนให้เกิดดุลยภาพระหว่างผู้ประกอบการ 4) มาตรการในด้านโลจิสติกส์ ได้แก่ พัฒนาสนามบิน ถนน ทางเชื่อมรางรถไฟ และท่าเรือน้ำลึกให้สามารถรองรับการคมนาคมขนส่งที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และ 5) นโยบายภาครัฐ ได้แก่ การกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ การใช้นโยบายภาษีและดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนการลงทุนในภาคเอกชน รวมถึงการเร่งทำโครงการ Mega Project ให้เป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ในโอกาสที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้มาจัดสัมมนาวิชาการ FPO Forum ที่จังหวัดกระบี่นี้ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้มอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และทุนสนับสนุน การดำเนินงานของโรงเรียนในจังหวัดกระบี่ในโครงการ สศค.ปันน้ำใจให้การศึกษาแก่เด็กน้อยด้วย
--ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฉบับที่ 4/2551 7 มีนาคม 2551--
การสัมมนาดังกล่าวได้แบ่งหัวข้อสัมมนาออกเป็น 2 ภาค โดยในภาคเช้า เป็นปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2551” และเป็นการสัมมนาหัวข้อ “แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและผลกระทบต่อจังหวัดกระบี่” สำหรับภาคบ่ายเป็นการสัมมนาในหัวข้อ “เอ็กซเรย์เงินเงินทองทอง” ในประเด็นประชาชนและสถาบันการเงินเดินไปพร้อมกันได้อย่างไร และดูแลเงินฝากอย่างไรกับรูปแบบการคุ้มครองเงินฝากใหม่
ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2551” ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้กล่าวว่าในปี 2550 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.8 ต่อปี จากที่ขยายตัวร้อยละ 5.1 ต่อปี ในปี 2549 เนื่องจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีการชะลอตัว โดยมีปัจจัยหลักจากการขาดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนทั้งภายในและนอกประเทศอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าและบริการที่ยังขยายตัวดี รวมถึงการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐผ่านการบริโภคและการลงทุน ช่วยพยุงเศรษฐกิจโดยรวมไม่ให้ชะลอตัวลงมากนัก สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2551 สศค. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2551 จะขยายตัวที่ร้อยละ 4.5-5.5 ต่อปี โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจาก การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น และนโยบายการคลังแบบขาดดุลรวมถึงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยอาจเผชิญปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศที่สำคัญ อันได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูงและค่าเงินบาทที่ผันผวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางลบต่อหลายภาคการผลิตในจังหวัดกระบี่ เช่น ภาคการท่องเที่ยว ภาคการประมง ภาคการขนส่ง และภาคเกษตรกรรม
ในการสัมมนาในหัวข้อ “แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและผลกระทบต่อจังหวัดกระบี่” นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดกระบี่ ได้เสนอนโยบายในการรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกต่อจังหวัดกระบี่ประกอบด้วย 1) มาตรการในภาค การท่องเที่ยว ได้แก่ ขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง ส่งเสริมการท่องเที่ยวนอกฤดูกาล และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ 2) มาตรการในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้แก่ ส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริมให้ภาคเอกชนเปิดตลาดคู่ค้าใหม่ สนับสนุนงานวิจัยเพื่อลดต้นทุนการผลิตและส่งเสริมให้มีผลผลิตต่อไร่สูง 3) มาตรการในภาคการค้าและการลงทุน ได้แก่ พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งแก่ธุรกิจ SME รวมถึงพัฒนาช่องทางในการเข้าถึงเงินทุนให้แก่ SME ส่งเสริมให้มีการรวมตัวในกลุ่มธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และสนับสนุนให้เกิดดุลยภาพระหว่างผู้ประกอบการ 4) มาตรการในด้านโลจิสติกส์ ได้แก่ พัฒนาสนามบิน ถนน ทางเชื่อมรางรถไฟ และท่าเรือน้ำลึกให้สามารถรองรับการคมนาคมขนส่งที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และ 5) นโยบายภาครัฐ ได้แก่ การกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ การใช้นโยบายภาษีและดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนการลงทุนในภาคเอกชน รวมถึงการเร่งทำโครงการ Mega Project ให้เป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ในโอกาสที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้มาจัดสัมมนาวิชาการ FPO Forum ที่จังหวัดกระบี่นี้ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้มอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และทุนสนับสนุน การดำเนินงานของโรงเรียนในจังหวัดกระบี่ในโครงการ สศค.ปันน้ำใจให้การศึกษาแก่เด็กน้อยด้วย
--ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฉบับที่ 4/2551 7 มีนาคม 2551--