คลังลุยแจกเอกสารสิทธิ์ที่ราชพัสดุ จ.นครสวรรค์ 2,078 ราย คิดค่าเช่าผ่อนปรนช่วยเกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้งต่อเนื่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 11, 2020 14:35 —กระทรวงการคลัง

กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ เดินหน้ามอบเอกสารสิทธิ์ที่ราชพัสดุแห่งที่ 2 จัดสรรที่ทำกินเพื่อการเกษตร 2,078 ราย ในพื้นที่ อ.ท่าตะโก อ.สนามชัย จ.นครสวรรค์ ช่วยเหลือเกษตร คิดอัตราเช่าที่ดินแบบผ่อนปรน เหตุพื้นที่ส่วนใหญ่ประสบปัญหาภัยแล้งต่อเนื่อง ตั้งเป้าปี 2563 มอบเอกสารสิทธ์ครบ 3,000 ราย คลุมพื้นที่อำเภอตากฟ้า อำเภอไพศาลี และอำเภอท่าตะโก

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (11 กันยายน 2563) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้จัดพิธีมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุตามโครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” โดยได้นำที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นว 339 มาจัดสรรที่ดินให้กับประชาชนในพื้นที่ อำเภอท่าตะโก อำเภอสนามชัย จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 2,078 ราย คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 2,071 ไร่ เพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการเข้าครอบครองที่ดินในพื้นที่ราชพัสดุให้ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะเดียวกันเอกสารสิทธิ์ยังสามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอสินเชื่อเพื่อการเกษตรกับสถาบันการเงินต่อไปได้

โดยพื้นที่ทั้งหมดของบึงบอระเพ็ดกว่า 130,000 ไร่ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนของบ่อเก็บน้ำที่มีพื้นที่กว่า 50,000 ไร่ พื้นที่หวงห้าม เพื่อใช้ทำประโยชน์อื่นๆ ที่ห้ามประชาชนบุกรุก และอีกส่วนก็ได้จัดให้เป็นพื้นที่ทำกินและที่อยู่อาศัยสำหรับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ที่ผ่านมามีประชาชนจำนวนมากเข้าไปถือครองที่ดิน โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบของกรมธนารักษ์เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้กรมธนารักษ์ได้เข้าไปดำเนินการเจรจาแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง และได้ข้อยุติในปี 2562 ที่ประชาชนยอมรับเงื่อนไขในการเช่าที่ทำกินบนพื้นที่ราชพัสดุ ด้วยอัตราเช่าที่ผ่อนปรนเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวประสบกับปัญหาภัยแล้งมาอย่างต่อเนื่อง และห่างไกลจากเขตชลประทาน ทำให้เกษตรกรต้องอาศัยน้ำเพื่อทำการเกษตรในช่วงฤดูฝนเท่านั้น ส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตรที่น้อยกว่าพื้นที่อื่น

สำหรับอัตราค่าเช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบอาชีพเกษตรในพื้นที่ดังกล่าว แบ่งเป็นอัตราเรียกเก็บตามเนื้อที่ที่ได้รับสิทธิครอบครอง โดยเนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ อัตราไร่ละ 20 บาทต่อปี เนื้อที่เกินกว่า 50 -200 ไร่ อัตราไร่ละ 30 บาทต่อปี เนื้อที่เกิน 200 -500 ไร่ อัตราไร่ละ 40 บาทต่อปี เนื้อที่เกิน 500-1,000 ไร่ อัตราไร่ละ 50 บาทต่อปี เนื้อที่เกิน 1,000 ไร่ อัตราไร่ละ 60 บาทต่อปี

อย่างไรก็ตามในปีงบประมาณ 2563 กรมธนารักษ์มีเป้าหมายการจัดสรรที่ทำกินในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ภายใต้โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” จำนวน 16,385 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอตากฟ้า อำเภอไพศาลี และอำเภอท่าตะโก โดยจะมอบให้กับประชาชนจำนวน 3,000 ราย ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดประกอบอาชีพ ทำไร่อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด และพืชอื่นๆ

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า สำหรับบริเวณพื้นที่บึงบอระเพ็ด จำนวน 50,000 ไร่ ยังมีประชาชนบุกรุกบางส่วน ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการเข้าไปเจรจาเพื่อขอให้ออกจากพื้นที่แล้ว และได้ดำเนินการหาที่อยู่ใหม่ให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ดินซึ่งเป็นแบบเช่าต่อปี เป็นพื้นที่น้ำท่วมถึงมีประชาชนจำนวน 3,000 ราย อยู่ระหว่างขอยื่นเช่าพื้นที่ ส่วนพื้นที่ปกติที่ชาวบ้านใช้เป็นที่อยู่อาศัย จำนวนกว่า 7,000 ไร่ ขณะนี้ได้ดำเนินการไปบางส่วน คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในปีนี้ ส่วนการแก้ปัญหาภัยแล้งก็ได้มีการบูรณาการทุกภาคส่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหา และวางมาตรการในระยะยาว เพื่อที่พื้นที่บริเวณนี้จะได้เป็นพื้นที่ทำกินของประชาชนอย่างยั่งยืน

“ที่ผ่านมามีปัญหาบ้างในหลายจังหวัดในการเข้าไปขอพื้นที่คืนเพื่อให้เป็นพื้นที่เช่าราชพัสดุโดยเฉพาะในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื่องจากเป็นการเข้าใจผิดของชาวบ้านบางกลุ่ม แต่กรมธนารักษ์ก็ได้ดำเนินการลงไปทำความเข้าใจ และอธิบายให้ทราบถึงความจำเป็นก็ทำให้ชาวบ้านเข้าใจ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี” นายยุทธนา กล่าว

สำหรับเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุ ภายใต้โครงการ "ธนารักษ์ประชารัฐ" เพื่อรองรับสิทธิให้แก่ผู้ครอบครองที่ราชพัสดุให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 จำนวนทั้งสิ้น 73,427 ราย เนื้อที่ประมาณ 1.051 ล้านไร่ โดยจะมีการดำเนินงานของโครงการเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเครื่องมือในการรังวัดพื้นที่ และการตรวจสอบสิทธิ์เป็นอย่างราบรื่น เนื่องจากประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้ปัจจุบันสามารถพิสูจน์สิทธิ์ที่ดินต่อแปลงให้แล้วเสร็จได้ภายใน 1-2 เดือน จากเดิมใช้เวลา 1-2 ปี

กรมธนารักษ์

โทร. 02 273 0899-903, 02 278 5641

ที่มา: กระทรวงการคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ